Page 1104 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1104

๑๐๙๒



                 การมองรูปแบบการแกปัญหาแบบองค์รวม ต้องมีการแยกผู้กระท าความผิดที่เป็นผู้เสพ ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพ
                                    ้
                 ติดรายย่อยและผู้กระท าความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดที่เป็นรายใหญ่ออกจากกันก่อน เพอประโยชน์ในการ
                                                                                            ื่
                                                                                            ู
                 แก้ปัญหา ผู้เสพหรือผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดเล็กน้อยจะใช้มาตรการในการบ าบัดฟนฟแบบสมัครใจ ส่วน
                                                                                         ื้
                 ผู้กระท าความผิดที่เป็นผู้ค้ายาเสพติดรายย่อยจะใช้มาตรการในการเบี่ยงเบนคดี ส่วนผู้กระท าความผิดที่เป็น
                 ผู้ค้ารายใหญ่จ าเป็นต้องลงโทษจ าคุก ส่วนผู้กระท าความผิดทั่วไป หากเป็นคดีเล็กน้อยหรือความผิดที่กระท า

                 โดยประมาท พลั้งพลาดจะใช้การลงโทษปรับหรือโทษทางปกครองหรือการคุมความประพฤติ คดีที่เป็น

                 อาชญากรรมรายย่อย เช่น ผู้กระท าความผิดทั่วไปที่ไม่ร้ายแรงเกินสมควรจะใช้มาตรการในการเบี่ยงเบนคดี คดี

                 ที่เป็นภัยร้ายแรงต่อสังคม ทุจริตคอรัปชั่น คดีอกฉกรรจ์หรือเป็นอาชญากรโดยสันดานหรือเป็นมืออาชีพให้
                                                         ุ
                 ลงโทษจ าคุก ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางในการใช้มาตรการดังกล่าว ผู้เขียนมีข้อเสนอแนะ ดังนี้


                 ควรมีกำรแก้ไขกฎหมำยเพื่อให้สอดคล้องกับแนวคิดที่น ำเสนอ

                        ๔.๑ พระรำชบัญญัติยำเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒


                          ื่
                        เพอให้สอดคล้องกับสภาพสังคมในปัจจุบันที่ปัญหายาเสพติดมีการแพร่ระบาดไปทุกชุมชนและยาเสพ
                 ติดประเภทเมทแอมเฟตามีนมีราคาถูกมาก เพอเป็นการแยกผู้เสพและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายย่อยให้
                                                         ื่
                               ื่
                 ชัดเจนขึ้นและเพอต้องการให้บทบัญญัติเรื่องข้อสันนิษฐานของกฎหมายตรงกับสภาพความเป็นจริงและเป็น
                 การเปิดโอกาสให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดที่เป็นผู้เสพและผู้เกี่ยวข้องกับยาเสพติดรายย่อยได้รับการแก้ไข
                 บ าบัดฟื้นฟูอย่างแท้จริง จึงขอเสนอให้แก้ไข


                                              43
                        มาตรา ๑๕ วรรคสาม (๒)  แก้ไขเรื่องข้อสันนิษฐานว่า การผลิต น าเข้า ส่งออก จ าหน่ายหรือมีไว้ใน
                 ครอบครอง ดังต่อไปนี้ ให้ถือว่าเป็นการ ผลิต น าเข้า ส่งออก จ าหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจ าหน่าย


                        (๒) โดยก าหนดจ านวนและปริมาณเมทแอมเฟตามีนจากเดิม จ านวน ๑๕ หน่วยการใช้ แก้ไขเป็น

                 “จ านวน ๕๐ หน่วยการใช้ขึ้นไป” (ส่วนน้ าหนักสุทธิหรือปริมาณสารบริสุทธิ์ให้เทียบเคียง)






                        43  มาตรา ๑๕ ห้ามมิให้ผู้ใดผลิต น าเข้า ส่งออก จ าหน่ายหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑
                 เว้นแต่รัฐมนตรีได้อนุญาตเฉพาะในกรณีจ าเป็นเพื่อประโยชน์ของทางราชการ

                        การผลิต น าเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ตามปริมาณดังต่อไปนี้ ให้
                 สันนิษฐานว่าเป็นการผลิต น าเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจ าหน่าย
                 (๒) แอมเฟตามีนหรืออนุพนธ์แอมเฟตามีน มีปริมาณค านวณเป็นสารบริสุทธิ์ตั้งแต่สามร้อยเจ็ดสิบห้ามิลลิกรัมขึ้นไป หรือมียา
                                    ั
                 เสพติดที่มีสารดังกล่าวผสมอยู่จ านวนสิบห้าหน่วยการใช้ขึ้นไปหรือมีน้ าหนักสุทธิตั้งแต่หนึ่งจุดห้ากรัมขึ้นไป
   1099   1100   1101   1102   1103   1104   1105   1106   1107   1108   1109