Page 1106 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1106

๑๐๙๔


                        ในกรณีศาลเห็นว่าจ าเลยไม่สมควรใช้วิธีการตามวรรคหนึ่ง ศาลจะส่งตัวจ าเลยไปยังสถานแก้ไขบ าบัด

                 ฟื้นฟูที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและตามที่ศาลเห็นสมควร แต่ทั้งนี้ต้องไม่เกิน ๕ ปี


                        ในการด าเนินการตามมาตรานี้ ศาลจะน าอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ หรือตั้งผู้ก ากับดูแลก็ได้


                                 ์
                        หลักเกณฑ วิธีการและเงื่อนไขการสั่งตามวรรคหนึ่ง ให้เป็นไปตามข้อบังคับของประธานศาลฎีกา
                        มาตรา ๑๗๖/๓ เมื่อจ าเลยได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขและภายในระยะเวลาที่ศาลก าหนดตามมาตรา ๑๗๖/

                                                   ิ
                 ๒ แล้ว ให้ศาลสั่งยุติคดีโดยไม่ต้องมีค าพพากษาเกี่ยวกับการกระท าความผิดของจ าเลย เว้นแต่ค าสั่งเกี่ยวกับ
                 ของกลางหรือค าสั่งเกี่ยวกับค าขอท้ายฟ้องของโจทก์ และให้ถือว่าสิทธิน าคดีอาญามาฟ้องเป็นอันระงับ


                        ถ้าจ าเลยผิดเงื่อนไขตามมาตรา ๑๗๖/๒ ก็ให้ศาลยกคดีขึ้นพิจารณาพิพากษาต่อไป


                        มาตรา ๑๗๖/๔  คดีที่ศาลจะลงโทษจ าคุกไม่เกิน ๑๐ ปี หากศาลเห็นสมควร โดยค านึงถึง อายุ ประวัติ

                 ความประพฤติและสติปัญญา การศึกษาอบรม สุขภาพ ภาวะแห่งจิต นิสัย อาชีพและสิ่งแวดล้อมหรือสภาพ
                                ื่
                 ความผิดหรือเหตุอนอนสมควรแล้ว ศาลอาจเปลี่ยนโทษจ าคุกเป็นส่งตัวจ าเลยไปควบคุมเพอฝึกและอบรมยัง
                                                                                             ื่
                                   ั
                 สถานที่ก าหนดไว้ซึ่งจัดตั้งขึ้นตามกฎหมายและศาลเห็นสมควร ตามเวลาที่ก าหนดแต่ต้องไม่เกินกว่า ๑๐ ปี

                                                                           ้
                        ผู้เขียนขอเสนอว่า ในกรณีมีผู้กระท าความผิดที่ต้องน าตัวมาฟองต่อศาลทุกกรณี ควรต้องจัดให้มีการ
                 สืบเสาะพฤติการณ์ของผู้กระท าความผิดเพอให้ศาลทราบข้อมูลต่างๆรวมถึงมูลเหตุจูงใจในการกระท าความผิด
                                                    ื่
                 เพอเป็นข้อมูลประกอบการใช้มาตรการในการลงโทษหรือประกอบดุลพนิจในการก าหนดโทษ การจัดท า
                   ื่
                                                                               ิ
                 รายงานการสืบเสาะเปรียบได้กับการท าประวัติข้อมูลของคนไข้ที่ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งจะท าให้ศาล
                 สามารถก าหนดมาตรการลงโทษได้เหมาะสมตรงกับสภาพปัญหาและแนวทางในการแก้ไขได้ดียิ่งขึ้น


                        หลักเกณฑ์การจัดท ารายงานการสืบเสาะ อาจก าหนดให้มีการจัดท าในวันที่พนักงานสอบสวนน าตัว

                 ผู้ต้องหามาฝากขังต่อศาล โดยในค าร้องขอฝากขัง ศาลอาจมีค าสั่งระบุให้ผู้ต้องหาไปให้ถ้อยค าต่อพนักงานคุม

                 ประพฤติภายใน ๓๐ วัน เช่นนี้ จะท าให้ในทุกคดีที่ศาลพจารณา ศาลจะมีประวัติของผู้กระท าความผิดมาใช้
                                                                 ิ
                 ประกอบดุลพนิจในการลงโทษได้ ส่วนกรณีฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด คณะอนุกรรมการฟนฟูสมรรถภาพ
                            ิ
                                                                                               ื้
                 ผู้ติดยาเสพติดจะให้พนักงานเจ้าหน้าที่จัดท าบันทึกประวัติ พฤติกรรมในการกระท าความผิด ตลอดจน
                 สภาพแวดล้อมทั้งปวงของผู้เข้ารับการตรวจพิสูจน์ไว้เช่นกัน


                                                                                      ู
                        ส าหรับปัญหาเรื่องของการไม่มีพนที่หรืองบประมาณในการจัดตั้งศูนย์ฟื้นฟสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด
                                                   ื้
                 ผู้เขียนขอเสนอแนวคิดว่า อาจใช้สถานที่ภายในเรือนจ าของแต่ละจังหวัดจัดตั้งเป็นศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยา
   1101   1102   1103   1104   1105   1106   1107   1108   1109   1110   1111