Page 1149 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 1149
๑๑๓๗
จ าเลยมาเบิกความว่า เดิมจ าเลยเป็นคนร่าเริง แจ่มใส เหมือนคนปกติทั่วไป จ าเลยเริ่มมีอาการผิดปกติ
จนเข้าโรงพยาบาลนิติจิตเวช เมื่อปี ๒๕๓๖ แต่จ าเลยไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง ต่อมาปี ๒๕๔๔ จึง
เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเจ้าพระยา แต่ไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องเช่นกัน แพทย์ให้ความเห็นว่า
จ าเลยป่วยเป็นโรคจิตเภทเรื้อรัง ก่อนเกิดเหตุจ าเลยหนีออกจากบ้านขโมยสมุดบัญชีเงินฝากติดตัวไปด้วย
ั่
ี
และไม่ติดต่อกับทางบ้านอก จนกระทงทราบข่าวทางโทรทัศน์ว่า จ าเลยก่อเหตุใช้มีดแทงเด็กนักเรียน ซึ่ง
สาเหตุน่าจะเกิดจากอาการป่วยของจ าเลย นอกจากนี้ยังได้ความจากแพทย์หญิงดวงตา ไกรภัสสร์พงษ์
ว่าเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๘ พนักงานสอบสวนสถานีต ารวจนครบาลทุ่งมหาเมฆได้ส่งตัวจ าเลยมา
ื่
ตรวจรักษาที่สถาบันกัลยาราชนครินทร์เพอตรวจอาการทางจิต ผลการตรวจรักษาพบว่า จ าเลยมีอาการ
ป่วยทางจิตตั้งแต่อายุ ๒๐ ปี ด้วยโรคจิตเภท ประเภทหวาดระแวงชนิดเรื้อรัง ก่อนเกิดเหตุจ าเลยเคยมา
ี
รักษาตัวที่สถาบันกัลยาราชนครินทร์ ๒ ครั้ง และไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยาอกหลายครั้ง
ปัจจุบันจ าเลยต้องเข้ารับการรักษาอย่างต่อเนื่องภายใต้การดูแลของแพทย์ตลอดไปและได้ความจาก
ื่
นายแพทย์กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล ว่า หลังจากรับตัวจ าเลยเพอตรวจวินิจฉัยที่สถาบันกัลยาราช
นครินทร์แล้ว มีการตั้งคณะกรรมการประกอบด้วยจิตแพทย์ พยาบาลจิตเวช นักสังคมสงเคราะห์
ทางด้านจิตวิทยา นักจิตวิทยาและนักอาชีวะบ าบัด ผลการตรวจอาการทางจิตของจ าเลยพบว่า จ าเลย
ป่วยด้วยโรคจิตเภทเรื้อรัง มีอาการประสาทหลอน หูแว่ว หลงผิด ไม่สามารถควบคุมตนเองได้
ความสามารถในการท างานลดลง หากไม่ได้รับการรักษาต่อเนื่องผู้ป่วยจะมีอาการก าเริบเป็นระยะ ๆ
และจะเรื้อรังต่อไป แต่อาการป่วยดังกล่าวจ าเลยยังพอสามารถรับรู้และสามารถใช้ชีวิตประจ าวันได้บ้าง
ิ
คณะกรรมการพจารณามีความเห็นเกี่ยวกับคดีว่า จ าเลยมีการตระเตรียมอาวุธมีดไปดักรอผู้เสียหาย
ติดตามผู้เสียหายและท าร้ายผู้เสียหายอย่างต่อเนื่องหลายครั้งหลายคน จนกระทั่งหลบหนีได้ซึ่ง
พฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่า จ าเลยสามารถรู้ผิดชอบการกระท าของตนเองได้บ้างและสามารถบังคับ
ตนเองได้บ้าง จ าเลยต้องรักษาด้วยวิธีการฉีดยา รับประทานยา และอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่าง
ต่อเนื่องตลอดชีวิต ศาลวินิจฉัยถึงพฤติการณ์การกระท าความผิดของจ าเลยว่า การที่จ าเลยเตรียมอาวุธ
มีดหลายเล่มพกติดตัวไปแทงผู้เสียหายทั้งสี่แต่ละคนหลายครั้งอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง ตรงบริเวณ
อวัยวะส่วนส าคัญของร่างกาย อนเนื่องมาจากความเจ็บป่วยของจ าเลยที่รู้สึกโกรธและเกลียดผู้เสียหาย
ั
ิ
ทั้งสี่ ที่มีรูปร่างหน้าตาออกไปทางลักษณะลูกครึ่งไทย – อนเดีย และลูกครึ่งไทย – จีน เพราะจ าเลยมี
อคติกับนักเรียนเหล่านี้ โดยคิดผิดหลงไปเองว่า เป็นเด็กที่ท าไสยศาสตร์ใส่ตนเองท าให้เจ็บป่วยและเป็น
คนไม่ดี จึงเตรียมอาวุธมีดหลายเล่มไปแทงผู้เสียหายทั้งสี่ พฤติการณ์ดังกล่าวส่อแสดงว่าจ าเลยตั้งใจฆ่า
ั่
ื
ผู้เสียหายทั้งสี่ ส่วนที่จ าเลยอางว่าขณะกระท าผิดจ าเลยป่วยด้วยโรคจิต จิตบกพร่อง หรือจิตฟนเฟอน
้
และไม่สามารถรู้ผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้นั้น ศาลเห็นว่า ขณะเกิดเหตุจ าเลยป่วยด้วย
โรคจิตเภทเรื้อรังมานานหลายปี แม้ขณะกระท าผิดทางการแพทย์จะถือว่าจ าเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบ

