Page 317 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 317
๓๐๔
ั
ลดวันต้องโทษจ าคุก หรือการพกการลงโทษก่อนจ าเลยที่คดีถึงที่สุดในภายหลัง ข้อแตกต่างดังกล่าวอาจมี
ผลกระทบต่อจ าเลยไม่มากนัก แต่เมื่อมีประกาศพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษซึ่งจ าเลยที่จะได้รับ
ประโยชน์ต้องเป็นนักโทษเด็ดขาด คือเป็นผู้ต้องขังตามหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดและมีตัวอยู่ในการ
ี
ควบคุมของเรือนจ าในวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ กรณีเช่นนี้แม้ระบุวันที่คดีถึงที่สุดแตกต่างกันเพยงวัน
เดียว จ าเลยรายหนึ่งคดีถึงที่สุดในวันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ส่วนจ าเลยอีกรายคดีถึงที่สุดหลังวันที่พระราช
กฤษฎีกาใช้บังคับ ย่อมมีผลกระทบต่อจ าเลยเป็นอย่างมาก ดังเช่นพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ
พ.ศ. ๒๕๖๔ ซึ่งมีผลใช้บังคับวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ โดยมาตรา ๖ ของพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว
ให้ปล่อยตัวนักโทษเด็ดขาดที่ต้องโทษจ าคุกในความผิดคดีเดียวหรือหลายคดีซึ่งมีโทษจ าคุกเหลืออยู่ไม่เกิน ๑ ปี
(๓)
นับแต่วันที่พระราชกฤษฎีกาใช้บังคับ ตามตัวอย่างข้างต้นจ าเลยที่ระบุในหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดว่าคดีถึง
ที่สุดเมื่อวันที่ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๔ จะได้รับการปล่อยตัวไป ส่วนจ าเลยที่ระบุว่าคดีถึงที่สุดเมื่อวันที่ ๒๙
ุ
กรกฎาคม ๒๕๖๔ หรือวันสุดท้ายที่ได้รับอนุญาตให้ขยายระยะเวลาอทธรณ์หรือฎีกา ย่อมไม่ได้รับประโยชน์
จากพระราชกฤษฎีกา ทั้งที่จ าเลยถูกพพากษาลงโทษจ าคุกในวันเดียวกัน แต่กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกัน
ิ
จึงไม่เป็นธรรมแก่จ าเลย
นอกจากนี้ยังมีปัญหาการตีความวันที่คดีถึงที่สุดที่แตกต่างกันหลายกรณี อาทิ คดีที่มีจ าเลยหลาย
ิ
ุ
คน จ าเลยแต่บางคนอทธรณ์ฝ่ายเดียว ผู้พพากษาจะออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จ าเลยที่ไม่อทธรณ์ไป
ุ
ุ
ก่อนได้หรือไม่ หรือต้องรอให้คดีถึงที่สุดทั้งคดี กรณีโจทก์อทธรณ์ฝ่ายเดียวในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับโทษจ าคุก
ั
ิ
และปรับของจ าเลย เช่น อุทธรณ์เรื่องริบของกลาง เรื่องขอให้คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ เรื่องการเพกถอนหรือพก
ใช้ใบอนุญาตขับขี่ ผู้พิพากษาจะออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จ าเลยได้หรือไม่ หรือกรณีจ าเลยถอนอทธรณ์
ุ
หรือฎีกา จะถือว่าคดีถึงที่สุดในวันที่จ าเลยยื่นค าร้องหรือวันที่ศาลมีค าสั่งอนุญาต เหล่านี้เป็นต้น
ผู้ศึกษาเห็นว่า ปัญหาความไม่เป็นเอกภาพในการออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุด เป็นปัญหาส าคัญ
ิ
ที่ควรแก่การศึกษา เพอให้การออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของผู้พพากษาเป็นไปในแนวทางเดียวกัน ไม่ให้เกิด
ื่
ความเหลื่อมล้ า อนจะท าให้ประชาชนเกิดความเชื่อถือและศรัทธาในการอานวยความยุติธรรม
ั
ของศาล
(๓) พระราชกฤษฎีกา พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๖๔.