Page 320 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 320

๓๐๗





                            วัตถุประสงค์ของการลงโทษตามที่กล่าวมาแล้ว เป็นพื้นฐานส าคัญในการลงโทษทางอาญา โดยใน
                 การน าไปใช้นั้นจะเน้นหนักไปในทางใดก็จะเป็นไปตามลักษณะทางวัฒนธรรมของกลุ่มชนนั้น สภาพชีวิตความ

                 เป็นอยู่ ศาสนา และแนวนโยบายแห่งรัฐ ในบางช่วงเวลาแนวคิดของทฤษฎีต่าง ๆ เหล่านี้อาจเป็นเครื่องมือของ

                                                                         ิ
                 รัฐในการคุ้มครองป้องกันสังคมในสถานการณ์ที่วิกฤตได้  หากเราพจารณาประวัติการลงโทษทางอาญาตั้งแต่
                 อดีตของประเทศไทยในยุคสุโขทัย อยุธยา เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จะพบว่ามีการน าทฤษฎีต่าง ๆ มาใช้อย่างเห็น

                 ได้อย่างชัดเจน การน าแนวคิดดังกล่าวมาใช้นั้นจะผสมกลมกลืนกันอยู่หลายแนวคิดทฤษฎี ปรากฏในโทษและ
                                         (๔)
                 วิธีการบังคับโทษในทางอาญา

                 การออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดและสิทธิประโยชน์ของนักโทษเด็ดขาด


                            หมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุด เป็นหมายอาญาประเภทหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความ
                                                                                                 ิ
                 อาญา มาตรา ๒ (๙)  ซึ่งศาลชั้นต้นเป็นผู้มีอ านาจในการออกหมายตามค าสั่งค าร้องศาลฎีกา ที่ ๑๐๙๖/๒๕๑๕

                 และต้องจัดการออกหมายโดยพลันตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๗๖  หมายจ าคุก
                                                                     ิ
                 ในกรณีนี้เรียกว่า หมายจ าคุกและกักขังเมื่อคดีถึงที่สุด หมายกักขังเมื่อคดีถึงที่สุด หรือหมายจ าคุกเมื่อคดี
                                                         ิ
                 ถึงที่สุด (สีแดง) เนื่องจากประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติหลักเกณฑ์ค าพพากษาและ
                                                                                                 ิ
                                                                                                    ่
                 ค าสั่งให้ถือว่าเป็นที่สุดไว้โดยเฉพาะ จึงต้องน าบทบัญญัติตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา
                                                                                      ิ
                                                               ิ
                 ๑๔๗ มาใช้บังคับโดยอนุโลมตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๕  ซึ่งหมายถึง  การที่
                 ค าพพากษาหรือค าสั่งตามกฎหมายจะอทธรณ์หรือฎีกา หรือขอให้มีการพจารณาใหม่ไม่ได้ หรือการที่
                                                    ุ
                     ิ
                                                                                  ิ
                                               ุ
                                                                                    ิ
                     ิ
                 ค าพพากษาหรือค าสั่งใดซึ่งสามารถอทธรณ์ฎีกาได้ หรือสามารถร้องขอให้มีการพจารณาใหม่ได้ แต่ไม่ได้มีการ
                  ุ
                 อทธรณ์หรือฎีกา หรือขอให้มีการพจารณาคดีใหม่ตามก าหนดระยะเวลาที่กฎหมายก าหนด รวมทั้งการที่
                                               ิ
                                                          ิ
                      ุ
                 ศาลอทธรณ์ ศาลฎีกา หรือศาลชั้นต้น ซึ่งท าการพจารณาในเรื่องค าร้องขอนั้น เมื่อศาลมีค าสั่งให้จ าหน่ายคดี
                                                                                            ิ
                 เสียจากสารบบความย่อมถือได้ว่าคดีถึงที่สุดแล้ว และการสิ้นสุดเริ่มนับแต่วันที่ศาลมีค าพพากษาหรือค าสั่ง
                 (คดีอาญาไม่มีการขอให้มีการพจารณาคดีใหม่ จึงไม่น าประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๑๔๗
                                                                                               ่
                                                                                 ิ
                                           ิ
                                                            (๕)
                 วรรคสอง ในส่วนที่เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวมาใช้บังคับ)
                            นักโทษเด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๔ หมายความว่า “บุคคลซึ่ง
                                                ิ
                 ถูกขังไว้ตามหมายจ าคุกภายหลังค าพพากษาถึงที่สุด และให้หมายรวมถึงบุคคลซึ่งถูกขังไว้ตามค าสั่งที่ชอบด้วย



                        (๔)  ธานี วรภัทร์, กฎหมายว่าด้วยการบังคับโทษจ าคุก, พิมพ์ครั้งที่ ๒, (กรุงเทพฯ : วิญญูชน, ๒๕๕๕), หน้า ๓๔.
                        (๕)  ส านักประธานศาลฎีกา ส านักงานศาลยุติธรรม, (๒๕๔๙), คู่มือการออกค าสั่งหรือหมายอาญา, หน้า ๙๖.
   315   316   317   318   319   320   321   322   323   324   325