Page 323 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 323

๓๑๐





                 ๑. กรณีสละสิทธิอุทธรณ์ฎีกา

                            จ าเลยยื่นค าร้องไม่ประสงค์ต่อสู้คดีในชั้นฎีกา หรือแถลงไม่ติดใจที่จะฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดี

                 ถึงที่สุดเมื่อครบก าหนดฎีกา ตามค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๘๘๔/๒๕๕๕ “ จ าเลยที่ ๒ ยื่นค าร้องว่า จ าเลยที่ ๒
                                                ิ
                 ไม่ประสงค์ต่อสู้คดีในชั้นศาลฎีกาและขอให้ออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดให้จ าเลยที่ ๒ ด้วย  ครบก าหนดฎีกา

                 วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๔๙ เป็นวันอาทิตย์หยุดราชการ คดีของจ าเลยที่ ๒ จึงถึงที่สุดในวันที่ ๒๒ พฤษภาคม ๒๕๔๙

                                                                                     ่
                 ซึ่งเป็นวันที่ระยะเวลาฎีกาได้สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง
                                                                        ิ
                                                                             ิ
                                           ิ
                 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๕”  ค าพพากษาฎีกาที่  ๕๑๗/๒๕๓๖  “สิทธิ
                 ในการฎีกาย่อมต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย  แม้โจทก์และจ าเลยจะขอสละสิทธิในการฎีกา ก็หาได้
                 มีผลเป็นการตัดสิทธิโจทก์และจ าเลยไม่ให้ฎีกาโดยเด็ดขาดไม่ โจทก์และจ าเลยยังคงมีสิทธิที่จะฎีกาได้ภายใน

                 เวลาที่ก าหนดไว้ตามกฎหมาย คดีจึงยังไม่ถึงที่สุดในวันที่อานค าพพากษาศาลอุทธรณ์   ที่จ าเลยขอให้ศาลออก
                                                                ่
                                                                       ิ
                 หมายจ าคุกคดีถึงที่สุดย้อนหลังไปในวันดังกล่าวจึงไม่อาจกระท าได้” ค าพพากษาฎีกาที่ ๒๖๒/๒๕๑๕  “คดีที่
                                                                              ิ
                 ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญ มาตรา ๒๑๘ นั้นมิได้

                 ห้ามคู่ความฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย     แม้คู่ความจะมิได้อทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายมาก่อนก็ยังอาจมีข้อ
                                                                   ุ
                 กฎหมายที่จะฎีกาได้ภายในก าหนดฎีกา  การที่จ าเลยแสดงเจตนาสละสิทธิที่จะฎีกาต่อไป ก็จะถือว่าคดีของ

                                                                                             ิ
                                                                      ุ
                                                           ิ
                 จ าเลยถึงที่สุดเด็ดขาดย้อนหลังไปนับแต่วันอานค าพพากษาศาลอทธรณ์หาได้ไม่” และมีค าพพากษาศาลฎีกาท  ี่
                                                     ่
                 ๘๘๗๒/๒๕๕๓  ค าสั่ง ค าร้องศาลฎีกาที่ ๑๘๖๒/๒๕๓๕, ๑๔๒๗/๒๕๓๐ วินิจฉัยท านองเดียวกัน โดยศาลฎีกา
                 มีค าสั่งให้ศาลชั้นต้นออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดเมื่อพ้นก าหนดฎีกา
                            ปัญหานี้ตามคู่มือการออกค าสั่งหรือหมายอาญาให้ค าแนะน าว่า กรณีจ าเลยยื่นค าร้องขอให้
                                                                          ุ
                                                                                                   ื่
                 ศาลชั้นต้นออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุด โดยแถลงว่าไม่ติดใจที่จะอทธรณ์หรือฎีกาแต่อย่างใด เพอจะขอรับ
                                                                           ุ
                 สิทธิตามพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษ และโจทก์ก็แถลงว่าไม่ติดใจที่จะอทธรณ์หรือฎีกาเช่นเดียวกัน กรณีเช่นนี้
                 ศาลควรจะอนุเคราะห์ออกหมายจ าคุกถึงที่สุดให้แก่จ าเลยตามที่ร้องขอ แต่เนื่องจากมีค าพพากษาศาลฎีกา
                                                                                             ิ
                 ที่  ๕๑๗/๒๕๓๖ วินิจฉัยไว้ว่า “สิทธิในการฎีกาย่อมต้องเป็นไปตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย แม้โจทก์และ

                 จ าเลยจะขอสละสิทธิในการฎีกา ก็หาได้มีผลเป็นการตัดสิทธิโจทก์และจ าเลยไม่ให้ฎีกาโดยเด็ดขาดไม่ โจทก์
                 และจ าเลยยังคงมีสิทธิที่จะฎีกาได้ภายในเวลาที่ก าหนดไว้ตามกฎหมาย คดีจึงยังไม่ถึงที่สุด”  ดังนั้น เพอไม่ให้
                                                                                                      ื่
                 ขัดกับค าพพากษาศาลฎีกาดังกล่าว เมื่อจ าเลยยื่นค าร้องขอให้ออกหมายจ าคุกคดีถึงที่สุดด้วยเหตุผลข้างต้น
                          ิ
                                                                                                        ิ
                 ศาลควรมีค าสั่งให้ย่นระยะเวลาอทธรณ์หรือฎีกาให้สิ้นสุดลงเสียก่อน โดยถือว่ากรณีมีพฤติการณ์พเศษ
                                              ุ
   318   319   320   321   322   323   324   325   326   327   328