Page 328 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 328
๓๑๕
่
ั
จึงสิ้นสุดลงวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๘ อนเป็นวันที่เริ่มท าการใหม่ตามประมวลกฎหมายแพงและพาณิชย์ มาตรา
๑๙๓/๘ คดีจึงถึงที่สุดวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๔๘”
ิ
ผู้ศึกษามีความเห็นตามค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๐๙๘๔/๒๕๕๑ โดยให้ออกหมายจ าคุก
ุ
้
้
เมื่อคดีถึงที่สุดเมื่อพนก าหนดยื่นฎีกา เนื่องจากระยะเวลายื่นฎีกาได้ล่วงพนไปก่อนแล้ว การที่จ าเลยอทธรณ์
ค าสั่งไม่รับฎีกา จึงไม่ควรมีผลให้คดีที่ถึงที่สุดไปแล้วกลายเป็นยังไม่ถึงที่สุด เพราะถ้าวินิจฉัยว่าคดียังไม่ถึงที่สุด
หากคดีดังกล่าวเป็นความผิดอันยอมความได้ อาจเป็นช่องทางให้คู่ความประวิงคดีเพอถอนฟ้องถอนค าร้องทุกข์
ื่
ี
หรือประนีประนอมยอมความกันต่อไปได้อก อันเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
๖. กรณีขอขยายอุทธรณ์หรือฎีกา แล้วไม่ยื่นอุทธรณ์หรือฎีกาภายในก าหนด
กรณีจ าเลยเป็นฝ่ายขอขยายเดิมมีค าพพากษาฎีกาที่ ๖๕๒๐/๒๕๖๒ วินิจฉัยว่า “ศาลชั้นต้น
ิ
อนุญาตให้จ าเลยขยายระยะเวลาอทธรณ์ครั้งที่สองได้ถึงวันที่ ๑๕ กุมภาพนธ์ ๒๕๖๒ เมื่อจ าเลยไม่ยื่นอทธรณ์
ุ
ั
ุ
ิ
ิ
ภายในก าหนด ค าพพากษาย่อมถึงที่สุดนับแต่ระยะเวลานั้นสิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความ
แพ่ง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ ”
กรณีโจทก์เป็นฝ่ายขอขยาย เดิมมีค าพพากษาฎีกาที่ ๘๘๗๒/๒๕๕๓ วินิจฉัยว่า “คดีนี้
ิ
่
ั
ุ
ิ
ศาลชั้นต้นอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้จ าเลยฟงเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ ต่อมาวันที่ ๒๕ ตุลาคม
ิ
่
ุ
๒๕๕๐ จ าเลยยื่นค าร้องว่าไม่ประสงค์ฎีกาแต่ระหว่างนั้นศาลชั้นต้นยังไม่ได้อานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้
ิ
ั
ั
ุ
่
โจทก์ฟง ศาลชั้นต้นอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้โจทก์ฟงในวันที่ ๒๙ พฤศจิกายน ๒๕๕๐ ดังนี้ นับแต่วันที่
ั
ุ
ิ
่
ศาลชั้นต้นอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้โจทก์ฟง โจทก์ยังมีสิทธิยื่นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายหรือขออนุญาต
ิ
ยื่นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๗ และ ๒๒๑ ภายใน
ก าหนดเวลาหนึ่งเดือนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๖ วรรคหนึ่ง เช่นนี้จะถือว่าคดี
่
ิ
ุ
ของจ าเลยถึงที่สุดย้อนหลังไปวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๕๐ ซึ่งเป็นวันอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้จ าเลยฟง
ั
ย่อมไม่ได้ เพราะขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความแพง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง เมื่อโจทก์ยื่นค าร้องขอ
ิ
่
ั
ขยายระยะเวลาฎีกา และศาลชั้นต้นให้ขยายระยะเวลาฎีกาถึงวันที่ ๒๙ กุมภาพนธ์ ๒๕๕๑ เมื่อครบก าหนด
ระยะเวลาดังกล่าวโจทก์ไม่ยื่นฎีกา คดีจึงถึงที่สุดในวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นวันที่ระยะเวลาที่โจทก์มี
สิทธิฎีกาสิ้นสุดลง ที่ศาลชั้นต้นออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดวันที่ ๒๙ ธันวาคม ๒๕๕๐ จึงเป็นการไม่ชอบ”
และค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๙๕๓๔/๒๕๕๓ วินิจฉัยท านองเดียวกัน
ต่อมามีค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๙๑๗/๒๕๖๔ โดยมติที่ประชุมใหญ่วินิจฉัยว่า “ตามประมวล
ิ
กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง บัญญัติว่า ค าพิพากษาหรือค าสั่งใดซึ่งอาจอุทธรณ์ฎีกา
ิ
หรือมีค าขอให้พจารณาคดีใหม่ได้นั้น ถ้ามิได้อทธรณ์ ฎีกาหรือร้องขอให้พจารณาใหม่ภายในเวลาที่ก าหนดไว้
ิ
ุ
ให้ถือว่าเป็นที่สุดตั้งแต่ระยะเวลาเช่นว่านั้นได้สิ้นสุดลง จากบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว