Page 325 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 325

๓๑๒



                                                                         ิ
                                                                                 ิ
                                                        ุ
                 จ าเลยยื่นค าร้องขอถอนอทธรณ์ การที่ศาลอทธรณ์อนุญาตแล้วพจารณาพพากษาคดีต่อไปตามประมวล
                                       ุ
                                                                                        ิ
                                                                                ุ
                             ิ
                 กฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕ จึงชอบแล้ว เมื่อศาลอทธรณ์พพากษายืน คดีย่อมถึง
                 ที่สุด จ าเลยจะฎีกาคัดค้านค าพิพากษาดังกล่าวไม่ได้”
                                             ิ
                            ผู้ศึกษาเห็นตามค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๑๓๖๕๔/๒๕๕๕ ซึ่งสอดคล้องกับบทบัญญัติตามประมวล
                                                                                ุ
                 กฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๔๕ วรรคสอง แม้จ าเลยขอถอนอทธรณ์ ศาลชั้นต้น ยังมีหน้าที่ต้อง
                            ิ
                                                         ิ
                                   ุ
                                                  ุ
                 ส่งส านวนไปยังศาลอทธรณ์ เมื่อศาลอทธรณ์พพากษายืน คดีย่อมถึงที่สุด จ าเลยไม่อาจฎีกาทั้งในปัญหา
                                                                                   ่
                                                                                                      ุ
                                                                                          ิ
                 ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย  จึงควรออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในวันที่อานค าพพากษาศาลอทธรณ์
                 เช่นเดียวกับวิธีปฏิบัติในคดียาเสพติดให้โทษ โดยไม่จ าต้องรอให้พ้นระยะเวลายื่นฎีกาเสียก่อน

                                 ุ
                 ๓. กรณีขอถอนอทธรณ์ในคดีที่จ าเลยต้องโทษไมถึงจ าคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต
                                                             ่
                            จ าเลยอุทธรณ์ฝ่ายเดียว คดีย่อมถึงที่สุดในวันที่ศาลชั้นต้นอ่านค าสั่งศาลอุทธรณ์ที่อนุญาต ให้ถอน
                                                                                        ิ
                                 ิ
                  ุ
                 อทธรณ์ ตามค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๒๑๗๔/๒๕๑๔  คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นพพากษาจ าคุกจ าเลยมี
                                                                                                     ิ
                 ก าหนด ๒ ปี จ าเลยอทธรณ์ ศาลอทธรณ์ท าค าพพากษาส่งมาให้ศาลชั้นต้นอาน  ก่อนอานค าพพากษา
                                    ุ
                                                                                     ่
                                                            ิ
                                                ุ
                                                                                              ่
                                                 ุ
                 ศาลอทธรณ์ จ าเลยยื่นค าร้องขอถอนอทธรณ์เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๑๔ เพอประโยชน์ในการที่จะได้รับ
                                                                                    ื่
                      ุ
                                                                                                   ่
                 พระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๑๔ ศาลชั้นต้นงดการอานและส่ง
                 ส านวนคืนศาลอทธรณ์เพอสั่งค าร้อง ต่อมาศาลชั้นต้นอานค าสั่งศาลอทธรณ์ที่อนุญาตให้ถอนอทธรณ์ให้จ าเลย
                                                                          ุ
                                                              ่
                              ุ
                                                                                               ุ
                                      ื่
                                            ๒
                 ฟงเมื่อวันที่  ๗  มิถุนายน  ๕ ๑ ๔  และออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในวันเดียวกัน ต่อมา
                             ๑
                  ั
                 วันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๑๔ จ าเลยยื่นค าร้องต่อศาลชั้นต้นว่า จ าเลยไม่ได้รับพระราชทานอภัยโทษ เพราะทาง
                 เรือนจ าถือว่าคดีของจ าเลยเด็ดขาดลงภายหลังจากวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๑๔ อนเป็นวันที่พระราชกฤษฎีกา
                                                                                    ั
                                                                                                        ื่
                 พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๑๔ มีผลบังคับใช้ ขอให้ศาลมีค าสั่งหรือออกหมายไปยังเรือนจ าใหม่ เพอให้
                 จ าเลยได้รับประโยชน์ตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ ศาลชั้นต้นมีค าสั่งว่า คดีของจ าเลยถึงที่สุดใน
                                                                                                  ิ
                                                ุ
                                ่
                                                            ุ
                                                                    ิ
                 วันที่ศาลชั้นต้นอานค าสั่งของศาลอทธรณ์ ศาลอทธรณ์พพากษายืน จ าเลยฎีกา ศาลฎีกาพพากษาว่า
                 “ค าว่า "นักโทษเด็ดขาด"  ซึ่งสมควรจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัย
                 โทษ พ.ศ. ๒๕๑๔ นั้น ท่านบัญญัติไว้ในมาตรา ๓ แห่งพระราชกฤษฎีกาฉบับนั้นว่า ให้หมายความถึงนักโทษ
                                                    ุ
                 เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พทธศักราช ๒๔๗๙ ซึ่งพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ฉบับนี้บัญญัติไว้ใน
                                                                                               ิ
                 มาตรา ๔ ว่า นักโทษเด็ดขาด หมายความว่า บุคคลซึ่งถูกขังไว้ตามหมายจ าคุกภายหลังค าพพากษาถึงที่สุด
                 ดังนี้   จะเห็นได้ว่านักโทษเด็ดขาดที่สมควรจะได้รับพระราชทานอภัยโทษตามพระราชกฤษฎีกาพระราชทาน
                 อภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๑๔ นั้น หมายความถึงนักโทษที่ศาลออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดไว้ก่อนและในวันที่
                 พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. ๒๕๑๔ มีผลใช้บังคับเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับนักโทษที่ยังไม่มี
   320   321   322   323   324   325   326   327   328   329   330