Page 330 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 330
๓๑๗
พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษมักได้รับการปล่อยตัว ใช้เป็นช่องทางโดยยื่นค าร้องขอขยายระยะเวลา
ุ
อุทธรณ์หรือฎีกาในห้วงวาระส าคัญไว้ก่อน หากมีพระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ จ าเลยก็ไม่ยื่นอทธรณ์
ื่
หรือฎีกา เพอให้ศาลออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดย้อนหลังและได้รับการปล่อยตัว แต่หากไม่มี
พระราชกฤษฎีกาพระราชทานอภัยโทษ จึงยื่นอทธรณ์หรือฎีกาภายในระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้ขยาย
ุ
ซึ่งผู้ศึกษามีความเห็นว่า น่าจะเป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต
๗. กรณีอ่านค าพิพากษาให้คู่ความฟังไม่พร้อมกัน
ุ
ื่
ปัญหานี้ส่วนใหญ่เกิดจากการย้ายจ าเลยไปควบคุมที่เรือนจ าอนในระหว่างอทธรณ์หรือฎีกา
ุ
เนื่องจากโทษจ าคุกที่ลงแก่จ าเลยเกินอานาจควบคุมของเรือนจ าเดิม เมื่อศาลอทธรณ์หรือศาลฎีกามีค า
ั
ั
ิ
ิ
พพากษา ศาลชั้นต้นจะเบิกตัวจ าเลยมาฟงค าพพากษาก่อน จากนั้นจึงนัดอานค าพพากษาให้โจทก์ฟงใน
่
ิ
ภายหลัง
เดิมมีค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๙๕๓๔/๒๕๕๓ เป็นกรณีศาลชั้นต้นอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้
ุ
ิ
่
ิ
ิ
่
ั
ุ
จ าเลยฟงก่อน ต่อมาจึงอานค าพพากษาศาลอทธรณ์ให้โจทก์ฟง โจทก์ขอขยายระยะเวลาฎีกาแล้วไม่ยื่นฎีกา
ั
ิ
่
้
ภายในก าหนด ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีถึงที่สุดเมื่อพนก าหนดเวลาที่โจทก์ขอขยาย “ศาลชั้นต้นอานค าพพากษา
่
ั
ุ
ั
ศาลอทธรณ์ภาค ๑ ให้จ าเลยที่ ๑ และที่ ๔ ฟงเมื่อวันที่ ๙ กรกฎาคม ๒๕๔๗ และอานให้โจทก์ฟงเมื่อวันที่ ๓
สิงหาคม ๒๕๔๗ โจทก์ขอขยายระยะเวลายื่นฎีกา ศาลอนุญาตถึงวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗ จ าเลยที่ ๑ และที่
๔ ยื่นค าร้องขอให้ศาลชั้นต้นแก้ไขหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดโดยให้ระบุว่าให้ถึงที่สุดในวันที่ ๙ สิงหาคม
๒๕๔๗ เห็นว่า แม้คดีต้องห้ามมิให้โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง แต่โจทก์ก็อาจด าเนินการให้มีการอนุญาต
หรือรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๑ และไม่
ิ
ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โจทก์จึงอาจฎีกาได้ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นอนุญาต คดีจึงเป็นที่สุดเมื่อ
สิ้นสุดระยะเวลาของวันสุดท้ายที่โจทก์อาจยื่นฎีกาได้คือวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗ ตามประมวลกฎหมายวิธี
ิ
่
พจารณาความแพง มาตรา ๑๔๗ วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๕
ิ
ิ
ศาลชั้นต้นจึงชอบที่จะออกหมายจ าคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๕๔๗” และค าพพากษาฎีกา
ที่ ๘๘๗๒/๒๕๕๓ วินิจฉัยท านองเดียวกัน
ิ
้
ต่อมามีค าพพากษาศาลฎีกาที่ ๙๑๗/๒๕๖๔ โดยมติที่ประชุมใหญ่ที่ยกขึ้นอางองในปัญหา
ิ
่
ุ
ข้อ ๖ ซึ่งคดีดังกล่าวศาลชั้นต้นอานค าพพากษาของศาลอทธรณ์ภาค ๑ ให้จ าเลยฟงก่อน แล้วจึงอาน
ิ
่
ั
ิ
ค าพพากษาให้โจทก์ฟงในภายหลัง ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าคดีถึงที่สุดเมื่อครบก าหนดหนึ่งเดือนนับแต่วันอานหรือ
่
ั
ถือว่าได้อ่านค าพิพากษาหรือค าสั่งให้จ าเลยฟัง

