Page 617 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 617

๖๐๕



                 กระบวนการยุติธรรม  เนื่องจากรัฐมีหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการกระท าผิดทางอาญาและเมื่อ
                                   ๙
                 ก าหนดให้การกระท าใดเป็นความผิดทางอาญาแล้ว การที่ผู้กระท าการฝ่าฝืนกฎหมายอาญาจะต้องได้รับการ
                  ิ
                                                        ๑๐
                 วินิจฉัยว่าผู้นั้นได้กระท าผิดและได้รับการลงโทษ  โทษ (Punishment) เป็นสภาพบังคับทางอาญา (Criminal
                                                                                       ื่
                 Sanctions) ซึ่งแต่เดิมมุ่งเน้นกระท าต่อเนื้อตัวร่างกายของผู้ได้รับโทษเป็นส าคัญเพอให้เข็ดหลาบหวาดกลัว
                 เป็นการตอบโต้ให้สาสมกับความผิดหรือความประพฤติที่สังคมไม่ยอมรับ ในปัจจุบัน แต่ปัจจุบันกฎหมายอาญา
                 มีแนวคิดในการแก้แค้นและแก้ไข ทั้งในพฤติกรรม (Conduct) และในแง่จิตใจ (Moral) โดยค านึงถึงประโยชน์

                 (Utilitaire) ด้วย
                              ๑๑
                        กระบวนการยุติธรรมทางอาญายังมีแนวคิดส าคัญเกี่ยวกับ “หลักนิติธรรม” (The Rule of Law) และ

                 “หลักนิติรัฐ” (Legal State) โดยหลักนิติรัฐ มีวิธีการศึกษา (Approach methodology) ตั้งต้นเริ่มจากรัฐ

                 เพราะเป็นธรรมเนียมของนักกฎหมายมหาชนและนักปรัชญาภาคพนยุโรปที่มุ่งเน้นศึกษาทฤษฎีว่าด้วยรัฐเป็น
                                                                         ื้
                                                                                             ั
                 ส าคัญ กล่าวคือ ใช้ข้อความคิดว่าด้วย “รัฐ” เป็นวัตถุแห่งการศึกษาและสร้างความสัมพนธ์ระหว่างรัฐกับ

                 กฎหมายนนั้นเอง ในขณะที่หลักนิติธรรม มีต้นเนิดจากความหวั่นเกรงการใช้อานาจโดยมิชอบของรัฐ หลัก
                 นิติธรรมจึงมุ่งหมายไปที่การคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของปัจเจกชน ดังนั้น หลักนิติรัฐเป็นมุมมองจากรัฐแต่

                 หลักนิติธรรมเป็นมุมมองจากปัจเจกชน เดิมหลักนิติธรรมในประเทศไทยยังเป็นข้อความคิดที่เป็นนามธรรมแต่
                                                 ๑๒
                 ในปัจจุบันได้มีความพยายามหาความหมายและสาระส าคัญของหลักนี้ เช่น หนังสือเรื่อง “หลักนิติธรรม” ที่
                                                                                               ี
                 จัดท าขึ้นโดย คณะอนุกรรมการวิชาการว่าด้วยหลักนิติธรรมแห่งชาติ (คอ.นธ.) ซึ่งมีรายละเอยดเกี่ยวกับการ
                 คุ้มครองสิทธิของปัจเจกชน ได้แก่ หลักเกี่ยวกับกฎหมายที่ดีต้องคุ้มครองสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

                 หรือสิทธิขั้นพื้นฐาน หมายความว่า กฎหมายที่ดีจะต้องสอดคล้องและสนับสนุนหลักสิทธิมนุษยชนศักดิ์ศรีความ
                                      ื้
                                                                                    ื้
                 เป็นมนุษย์ หรือสิทธิขั้นพนฐานของมนุษย์ ทั้งนี้ เพราะสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิขั้นพนฐานที่ติดตัวมนุษย์มาตั้งแต่
                 ก าเนิด ไม่สมควรที่รัฐหรือผู้มีอานาจออกกฎหมายจะพรากสิทธิดังกล่าวไปจากผู้นั้น เช่น สิทธิในการรวมกลุ่ม

                                                                          ิ
                 สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในการติดต่อสื่อสาร และสิทธิผู้พการ อย่างไรก็ดี สิทธิบางประการหากมี












                        ๙  ประธาน วัฒนวาณิชย์, ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับอาชญาวิทยา. (กรุงเทพมหานคร: ประกายพรึก, ๒๕๔๖), น. ๑๔.
                        ๑๐  สัญญพงศ์ ลิ่มประเสริฐ และคณะ, การลงโทษผู้กระท าผิดทางอาญา, รายงานการประชุมวิชาการระดับชาติและ

                 นานาชาติ ประจ าปี ๒๕๖๒ วันศุกร์ที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๖๒ มหาวิทยาลัยรังสิต, กรุงเทพมหานคร, น. ๑๔๘๕.
                        ๑๑  ทวีเกียรติ มีนะกนิษฐ, ค าอธิบายกฎหมายอาญา ภาคทั่วไป, พิมพ์ครั้งที่ ๑๑, (กรุงเทพมหานคร: วิญญูชน,
                 ๒๕๕๒),น. ๑๖.

                        ๑๒  อรรถพล ใหญ่สว่าง, “หลักนิติธรรม”, จุลนิต, ฉบับท ๑๑ (มกราคม - กุมภาพันธ์ ๒๕๕๗): น. ๔๐.
                                                                ี่
                                                           ิ
   612   613   614   615   616   617   618   619   620   621   622