Page 733 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 733

๗๒๑





                                                                                                 ิ
                                                                               ิ
                                      ๒.๑.๕ จัดเก็บข้อมูลและสถิติตามที่อธิบดีผู้พพากษาภาคหรือผู้พพากษา
                 หัวหน้าศาลก าหนด
                                 ๒.๒ การจัดเก็บข้อมูลและสถิติแบ่งเป็น
                                      ๒.๒.๑ จัดเก็บข้อมูลตามเขตอานาจศาล จ าแนกเป็น ศาลจังหวัด ศาลจังหวัดที่

                 พิจารณาคดีศาลแขวง ศาลแขวง ศาลช านัญพิเศษต่างๆ
                                      ๒.๒.๒ จัดเก็บข้อมูลและสถิติตามประเภทของคดี เช่น คดีไม่มีข้อยุ่งยาก คดี
                 มโนสาเร่ คดีผู้บริโภค คดีแพ่งสามัญ คดีอาญาสามัญ ฯลฯ

                                      ๒.๒.๓ จัดเก็บข้อมูลและสถิติเพื่อการบริหารงานคดี
                                                                   ิ
                                               ๑) ตามลักษณะในการพจารณาคดีสืบประกอบ สืบพยานประเด็น
                 สืบพยานล่วงหน้า คดีที่จ าเลยต้องขัง คดีที่จ าเลยรับสารภาพ คดีฝ่ายเดียว คดี กยศ. คดีไต่สวนมูลฟ้อง ฯลฯ
                                               ๒) ตามข้อหาหรือฐานความผิด เช่น ยืม บัตรเครดิต เช่าซื้อ ผู้จัดการ
                 มรดก ยาเสพติด ที่ดินฯ

                                                    ู่
                                                                                                    ั
                                               ๓) ตามคความ จ านวนคู่ความ เชื้อชาติ ศาสนา เพศ วัย เช่น คดีที่อยการ
                 เป็นโจทก์ คดีที่ราษฎรเป็นโจทก์ คดีที่เจ้าพนักงานบังคับคดีเป็นผู้ร้อง
                                               ๔) ตามจ านวนวันนัดพิจารณาคดี วันที่พิจารณาคดีเสร็จ

                                                                                     ื่
                                         ๒.๒.๔ จัดเก็บข้อมูลและสถิติในการบริหารงานทั่วไปเพอน ามาใช้ประโยชน์ใน
                 การบริหารคดีดังนี้
                                                                           ิ
                                                   ื่
                                              ๑) เพอก าหนดจ านวนองค์คณะพจารณาคดีได้อย่างเหมาะสมว่าคน
                 เดียวหรือสองคนท าให้สามารถและพิจารณาคดีได้รวดเร็ว
                                                                                               ิ
                                              ๒) จัดอปกรณ์และห้องพจารณาคดีที่เหมาะสมท าให้การพจารณาคดี
                                                    ุ
                                                                   ิ
                 ของศาลช านัญพิเศษเสร็จไปโดยรวดเร็ว
                                              ๓) น ามาใช้ในการก าหนดวันนัดพจารณาคดีว่าควรจะก าหนดเป็นคดี
                                                                          ิ
                 จัดการพเศษ หรือนัดพจารณาคดีต่อเนื่องอย่างไรให้เป็นไปตามกรอบเวลาที่ก าหนดว่าจะนัดต่อเนื่อง
                                     ิ
                        ิ
                 อย่างไร
                                                   ๓.๑) จากการเก็บสถิติพบว่า พยาน ๔ ปาก ควรสืบพยานไม่เกิน ๑ นัด
                                                  ๓.๒) คดีสามัญที่ก าหนดนัดสืบพยานเกิน ๓ นัด ต้องได้รับอนุญาต
                 จากผู้พพากษาหัวหน้าศาลก่อนนัด และคดีจัดการพเศษหรือคดีผู้บริโภคที่มีประเด็นยุ่งยาก เช่น คดีทาง
                       ิ
                                                            ิ
                 การแพทย์ จ้างท าของ อาจขออนุญาตผู้พิพากษาหัวหน้าศาลนัดคดีในศูนย์นัดความได้
                                                   ๓.๓) ข้อมูลสถิติเพอใช้ประโยชน์ในการจัดเวรส ารอง คือ เวรที่
                                                                  ื่
                 ก าหนดให้องค์คณะเป็นวันว่างเพอประโยชน์ในการบริหารคดี ที่จ าเลยต้องขัง คดีที่ประชาชนให้ความสนใจ
                                            ื่
                 เป็นพิเศษ คดีที่ตกราง คดีที่เลื่อน คดีเร่งรัด หรือการสืบพยานล่วงหน้า ไต่สวนคุ้มครองชั่วคราว รวมทั้งเป็น
                 องค์คณะของผู้พิพากษาที่ลาราชการ โดยศาลที่จะจัดองค์คณะส ารองต้องมีจ านวนตั้งแต่ ๕ องค์คณะขึ้นไป
                                              ๔) น ามาใช้จ่ายส านวนคดียากง่ายตามประเภทคดีและตามความรู้
                 ความสามารถเรียงล าดับอาวุโส ให้แก่ผู้พิพากษาอย่างเท่าเทียมกัน และเร่งรัดการพิจารณาคดีได้ถูกต้อง
                                              ๕) จ่ายส านวนประเภทคดีเดียวกันให้แก่องค์คณะเดียวกันเพอให้ค า
                                                                                                  ื่
                 พิพากษามีมาตรฐานเดียวกัน
   728   729   730   731   732   733   734   735   736   737   738