Page 730 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 730
๗๑๘
๓๐ วัน นับแต่วันที่ผู้มีอานาจให้ความเห็นชอบในราคานั้น ดังนั้น ศาลจะต้องออกประกาศประกวดราคา
ภายใน ๓๐ วัน นับแต่ผู้มีอานาจให้ความเห็นชอบ ไม่เช่นนั้น ราคากลางนั้นจะเสียไป ในทางเทคนิค
ั
เจ้าหน้าที่พสดุเมื่อได้รับราคากลางจะเก็บไว้ ๔-๕ วัน เพื่อเตรียมการประกาศให้เรียบร้อย แล้วค่อยเสนอให้
หัวหน้าศาลให้ความเห็นชอบ เมื่อหัวหน้าศาลให้ความเห็นชอบแล้ว ระยะเวลา ๓๐ วัน จึงจะเริ่มนับ (ตาม
กฎหมายก าหนดเพียงว่า ถ้าเกินระยะเวลาไปแล้ว ต้องมีการค านวณราคากลางใหม่ แต่ไม่ได้ก าหนดโทษไว้)
- ค่าใช้จ่ายที่ใช้กับการจัดซื้อจัดจ้างมี ๒ งบ คือ งบลงทุนและงบด าเนินการ
ส่วนที่ ๒ การบริหารงานศาลยุติธรรม หลักและเทคนิคการบริหารงานคดี
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจะต้องมีการประเมินสถานการณ์การบริหารจัดการคดีภายในศาล
ื่
ื่
โดยใช้ประโยชน์จากข้อมูลสถิติ เพอการประเมินประสิทธิภาพและประสิทธิผลของบุคลากรและเพอใช้ใน
การก าหนดนโยบายในภาพรวม ควรส ารวจวัสดุ อปกรณ์ งาน คน เวลา และเทคโนโลยี เพอใช้เป็นแนว
ื่
ุ
ทางการบริหาร และควรตรวจส านวนคดีทุกวันหรืออาจมอบหมายให้ท่านที่มีอาวุโสล าดับถัดไปตรวจ
ื่
ิ
ิ
ส านวนเพอตรวจสอบกลั่นกรองข้อผิดพลาด และช่วยแก้ปัญหาในการพจารณาพพากษาคดี และวางแผน
บริหารจัดการคดี เมื่อพบข้อบกพร่องควรแจ้งให้เจ้าของส านวนทราบเป็นการส่วนตัว เช่น หากคดีเสร็จ
้
ก่อนวันนัด เนื่องจากถอนฟอง ยอมความ ยกเลิกวันนัด ควรแจ้งให้คู่ความหรือพยานทราบทันที การแก้ไข
ข้อบกพร่องให้ใช้กระบวนการตามกฎหมายและกรณีแก้ไขไม่ได้ให้ปล่อยให้ศาลสูงแก้
ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลควรให้ส่วนบริหารจัดการคดีท ารายงานคดีค้างปีในโอกาสแรกที่เข้า
รับต าแหน่งหากพบว่ามีคดีค้างปีควรตรวจส านวนและหาแนวทางแก้ไขเท่าที่จะท าได้ (ควรประชุม
้
ผู้พิพากษาในศาลเพื่อหาแนวทางแกไขที่ผู้พิพากษาส่วนมากเห็นด้วยที่จะปฏิบัติตาม) และควรมีการบริหาร
จัดการเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้เพื่อแก้ไขปัญหาในในทุกเดือน(KM:Knowledge Management)
ิ
ิ
ิ
ผู้พพากษาหัวหน้าศาลไม่ควรนั่งพจารณาคดี อย่างไรก็ดีผู้พพากษาหัวหน้าศาลมีอานาจ
ิ
หน้าที่เป็นองค์คณะนั่งพจารณาและพพากษา คดีที่มีพฤติการณ์แห่งการกระท าเป็นที่สนใจของประชาชน
ิ
ั
คดีที่อาจมีผลกระทบต่อความสัมพนธ์ระหว่างประเทศ หรือคดีที่เป็นการกระท าในลักษณะองค์กร
ิ
ิ
อาชญากรรม หรือในระหว่างการพจารณาคดีหรือในระหว่างการท าค าพพากษาหากมีเหตุจ าเป็น
ั
้
ิ
ิ
อนมิอาจจะก้าวล่วงท าให้องค์คณะไม่อาจนั่งพจารณาหรือท าค าพพากษาต่อไปได้เช่น พนจากต าแหน่งที่
ด ารงอยู่ (ย้ายศาลหมดทั้งเจ้าของส านวนและองค์คณะและศาลสูงสั่งให้ยกย้อนส านวนให้ศาลชั้นต้น
ิ
ท าค าพพากษาใหม่กรณีเช่นนี้ต้องให้ผู้พพากษาหัวหน้าศาลท าค าพพากษาแล้วให้อธิบดีเป็นองค์คณะ
ิ
ิ
ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๒๙ (๓) ฎีกาที่ ๓๕๔๕/๒๕๕๑ พร้อมกับจดรายงานกระบวน
ิ
พจารณาด้วย ) หรือองค์คณะหรือเจ้าของส านวนถูกคัดค้านและถอนตัวตาม ปวิพ. มาตรา ๑๑ ถึง มาตรา
ิ
ิ
๑๔ หรือไม่อาจปฏิบัติราชการจนไม่สามารถนั่งพจารณาหรือท าค าพพากษาในคดีนั้นได้เช่นป่วยหนัก หรือ
ิ
ิ
ิ
ิ
ลาคลอดผู้พพากษาหัวหน้าศาลมีอานาจหน้าที่เป็นองค์คณะนั่งพจารณาและพพากษา ผู้พพากษาหัวหน้า
ศาลมีอานาจเรียกคืนและโอนส านวนคดี ตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา ๓๓ ในกรณีที่ปรากฏ
ข้อเท็จจริงว่า มีกรณีที่อาจกระทบกระเทือนต่อความยุติธรรมในการพิจารณาพิพากษา หรือเจ้าของส านวน
ิ
หรือองค์คณะมีคดีค้างพจารณาอยู่เป็นจ านวนมากทาให้คดีล่าช้าเกินสมควรโดยปราศจากเหตุผล หรือองค์
คณะพจารณาคดีขัดแย้งกับแนวค าพพากษาศาลฎีกาโดยชัดแจ้ง หรือขัดต่อความเป็นธรรมโดยปราศจาก
ิ
ิ
ิ
ั
เหตุผลอนสมควร หรือองค์คณะใช้ดุลพนิจแตกต่างไปจากแนวการพจารณาพพากษาของศาลชั้นต้นโดย
ิ
ิ
ปราศจากเหตุผล กระทบต่อความยุติธรรมประการอน แต่ไม่ควรเรียกคืนหรือโอนส านวนคดีเพยงเพราะ
ื่
ี