Page 873 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 873
๘๖๑
ี
กลับคืนสู่สังคมได้ตามปกติ โดยให้ผู้กระท าผิดได้รับการเรียนรู้ การอบรมให้เพยงพอที่ใช้ในการด าเนินชีวิต
ต่อไปได้ เช่น การฝึกวิชาชีพ รวมทั้งการพยายามช่วยให้ผู้กระท าผิดไม่รู้สึกมีปมด้อยจากการที่ได้รับการ
ลงโทษไปแล้ว
๔) เพื่อเป็นการป้องกันสังคมและเป็นการป้องกันอาชญากรรม
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่าการลงโทษผู้กระท าผิดมีวัตถุประสงค์เป็นการด าเนินการให้เป็นไปตาม
กฎหมาย เป็นการรักษากฎระเบียบ แบบแผนของสังคมและเป็นการป้องกันสังคมให้ปลอดภัย รวมทั้งเป็น
ื่
การป้องกันอาชญากรรมไม่ให้เกิดขึ้นโดยการกระท าผิดซ้ าของผู้กระท าผิดนั้น และเป็นการข่มขู่ผู้อนไม่ให้
เอาเป็นเยี่ยงอย่าง ซึ่งเป็นการป้องกันสังคมและอาชญากรรมทั้งทางตรงและทางออม ท าให้ประชาชน
้
เคารพและปฏิบัติตามกฎหมาย
ในปัจจุบันแนวคิดเกี่ยวกับการลงโทษผู้กระท าผิดส าหรับศาลยุติธรรมมีวิธีการที่
เปลี่ยนแปลงไป ดังจะเห็นได้จากค าแนะน าของประธานศาลฎีกา ในปี ๒๕๕๕ ที่ประธานศาลฎีกาเล็งเห็น
ิ่
ถึงสภาพปัญหาที่มีการใช้วิธีการลงโทษจ าคุกผู้กระท าผิดเพมมากขึ้น ทั้งที่ประมวลกฎหมายอาญา
ิ
มาตรา ๕๖ ก าหนดให้ศาลมีอานาจใช้วิธีการรอการก าหนดโทษกับผู้ซึ่งถูกพพากษาว่า มีความผิดในกรณีที่
ั
ผู้กระท าความผิดยังไม่สมควรต้องรับโทษ อนเนื่องมาจากสภาพของผู้กระท าความผิดนั้นเอง ลักษณะและ
ผลของการกระท า ตลอดจนสภาวะแวดล้อมอนเป็นสาเหตุหรือเกี่ยวเนื่องกับผู้กระท าความผิดหรือ
ั
การกระท าความผิดนั้น และไม่มีประวัติว่าเคยต้องโทษจ าคุกมาก่อน ประธานศาลฎีกาจึงอาศัยอานาจ
ิ่
ิ่
ตามความในมาตรา ๕ แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติม
พระธรรมนูญศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกค าแนะน าของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับวิธีการ
ึ
รอการก าหนดโทษ ประกาศ ณ วันที่ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ โดยมีหลักการให้ศาลพงใช้วิธีการรอการ
ก าหนดโทษเพื่อให้โอกาสจ าเลยได้กลับตัวภายในระยะเวลาที่ศาลเห็นสมควรก าหนด
ิ่
ครั้นเมื่อมีพระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ๒๕) พ.ศ. ๒๕๕๙
ซึ่งมีการแก้ไขเพมเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ เกี่ยวกับหลักเกณฑ์การรอการก าหนดโทษ
ิ่
การรอการลงโทษ และการก าหนดเงื่อนไขเพอคุมความประพฤติ โดยมาตราดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพอ
ื่
ื่
ื้
หลีกเลี่ยงการลงโทษจ าคุกจ าเลยในความผิดที่ไม่ร้ายแรงโดยไม่จ าเป็น มุ่งเน้นให้น าวิธีการแก้ไขฟนฟูจ าเลย
ื่
มาใช้เพอป้องกัน มิให้กระท าผิดซ้ าและก าหนดวิธีการเยียวยาผู้เสียหายอย่างเหมาะสม ซึ่งเป็นการก าหนด
มาตรการทางเลือกอนนอกจากการลงโทษจ าคุกและปรับ ประธานศาลฎีกาจึงอาศัยอานาจตามความใน
ื่
ิ่
ิ่
มาตรา ๕ แห่งพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ซึ่งแก้ไขเพมเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพมเติมพระธรรมนูญ
ศาลยุติธรรม (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๕๕๑ ออกค าแนะน าของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับวิธีการรอการก าหนด
โทษ การรอการลงโทษและการก าหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติ พ.ศ. ๒๕๕๙ เพื่อให้ศาลใช้ดุลพินิจใน
การรอการก าหนดโทษหรือรอการลงโทษได้เหมาะสมยิ่งขึ้น ทั้งนี้เพอให้จ าเลยได้รับโอกาสในการแก้ไข
ื่
ความผิดของตนโดยไม่มีมลทินติดตัว และสร้างความรู้ส านึกในการกระท าความผิดให้แก่จ าเลย