Page 876 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 876
๘๖๔
ี
ื่
บัญญัติไว้แล้ว ไม่มีความจ าเป็นที่จะต้องค านึงถึงข้อเท็จจริงอนใดอก ทั้งการด าเนินการดังกล่าวเป็นการ
ิ
ป้องกันไม่ให้เกิดข้อครหา หรือสุ่มเสี่ยงว่าเป็นการใช้ดุลพนิจไปในทางที่มิชอบ ท าให้ผู้พพากษาไม่กล้าที่จะ
ิ
ิ
ใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษที่แตกต่างไปจากบัญชีมาตรฐานการลงโทษ และยึดติดกับบัญชีมาตรฐานการ
ี
ลงโทษ โดยไม่สนใจที่จะขวนขวายค้นหาความจริงต่าง ๆ มาประกอบการก าหนดโทษอกแล้ว การก าหนด
โทษตามบัญชีมาตรฐานการลงโทษจึงท าให้ขาดความยืดหยุ่น เนื่องจากไม่สามารถก าหนดโทษให้เหมาะสม
กับผู้กระท าผิดเป็นรายบุคคลได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากบัญชีมาตรฐานการลงโทษไม่มีข้อเท็จจริงที่มีรายละเอยดเพยงพอ
ี
ี
รวมทั้งกรณีที่ความผิดบางฐานเป็นการยากที่จะก าหนดไว้ในบัญชีมาตรฐานการลงโทษได้นั้น ก็เป็น
อกปัจจัยหนึ่งที่อาจท าให้การใช้โทษทางอาญาไม่ได้สัดส่วนเหมาะสม และไม่เป็นมาตรฐานเดียวกันได้
ี
ตัวอย่างเช่น ถ้าความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๖ วรรคแรก ก าหนด
เกณฑ์ไว้ในบัญชีมาตรฐานการลงโทษว่าให้ลงโทษจ าคุก ๒ ถึง ๔ ปี จะเห็นได้ว่าเป็นการก าหนดเกณฑ์
้
ในการใช้โทษอาญาไว้กว้าง หากข้อเท็จจริงจากค าฟองของพนักงานอัยการมีราคาทรัพย์เพียง ๑,๐๐๐ บาท
ถ้าลงโทษจ าคุก ก็ต้องวางโทษจ าคุกตั้งแต่ ๒ ปี เป็นต้นไป แต่ไม่เกิน ๔ ปี เป็นต้น ส่วนกรณีที่ความผิด
บางฐานไม่ได้ก าหนดไว้ในบัญชีมาตรฐานการลงโทษ ตัวอย่างเช่น ช่วงที่อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาด
ของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ มีการก าหนดความผิดแก่ผู้ที่ชุมนุมท ากิจกรรมหรือมั่วสุมในสถานที่
ั
แออดว่าเป็นการฝ่าฝืนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ตามพระราชก าหนดการบริหารราชการในสถานการณ์
ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘ ซึ่งในการบังคับใช้โทษอาญาในขณะนั้น หากผู้พพากษาในศาลไม่ได้ประชุมหารือกัน
ิ
เกี่ยวกับมาตรฐานโทษที่ใช้แก่ผู้กระท าผิดหรือส านักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาคยังไม่ได้ก าหนดเกณฑ์กลางมา
ใช้ในศาลอย่างทันท่วงที ก็จะเกิดปัญหาที่ผู้พพากษาจ าต้องใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษไปตาม
ิ
ิ
ประสบการณ์หรือองค์ความรู้เกี่ยวกับการลงโทษของแต่ละท่านซึ่งไม่เท่ากัน หรืออาจเป็นเพราะนิสัย
ส่วนตัวไม่เหมือนกัน เช่น บางท่านเป็นคนใจดีหรือบางท่านเป็นคนดุ เป็นต้น ยิ่งถ้าผู้พิพากษาที่ตัดสินคดีไป
ิ
แล้วไม่ได้พดคุยกับผู้พพากษาท่านอนในศาลว่าเคยใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษไปแล้วเพยงใด แน่นอนว่า
ี
ู
ิ
ื่
ิ
โอกาสที่เมื่อมีการฟองคดีประเภทเดียวกันเข้ามาใหม่ การใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษย่อมอาจมีความ
้
แตกต่างกันได้ ส่งผลให้การลงโทษไม่เป็นมาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ดีการที่ผู้พิพากษาพพากษาคดีไปตาม
ิ
บัญชีมาตรฐานการลงโทษแต่ก าหนดเกณฑ์ไว้โดยไม่ละเอยด รวมทั้งก าหนดโทษในความผิดที่ยังไม่เคยได้
ี
ตัดสินมาก่อน เหตุดังกล่าวนี้ไม่ถือว่าเป็นการใช้ดุลพนิจในการลงโทษที่ผิดแต่ประการใด เพราะต่างก็อยู่ใน
ิ
เกณฑ์ของบัญชีมาตรฐานการลงโทษของศาลที่ก าหนดไว้ และอยู่ภายในกรอบตามที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย
เพยงแต่อาจเป็นการใช้โทษอาญาไม่ได้สัดส่วนหรือเหมาะสมกับสภาพและพฤติการณ์ของการกระท า
ี
ความผิดเท่านั้น