Page 875 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 875
๘๖๓
ั
แจ้งชัดเสียก่อนว่าบุคคลนั้นได้กระท าการใดอนกฎหมายที่ใช้ในขณะกระท านั้นบัญญัติไว้เป็นความผิดและ
ก าหนดโทษไว้ และโทษที่จะลงแก่ผู้กระท าความผิดนั้น ต้องเป็นโทษที่บัญญัติไว้ในกฎหมาย หลังจากนั้น
ศาลจึงสามารถใช้ดุลพนิจวินิจฉัยว่าความผิดที่เกิดขึ้นผู้กระท าความผิดสมควรได้รับโทษในความผิดฐานใด
ิ
ี
และเพยงใด ซึ่งโทษที่จะน ามาใช้บังคับแก่ผู้กระท าผิด ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘ บัญญัติไว้
๕ วิธี คือ
(๑) ประหารชีวิต
(๒) จ าคุก
(๓) กักขัง
(๔) ปรับ
(๕) ริบทรัพย์สิน
ิ
ปัญหาที่เกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจของศาล และความเห็นทางวชาการเกี่ยวกับการใช้ดุลพินิจในการลงโทษ
หรือก าหนดโทษของผู้พิพากษา
๑. ปัญหาจากบทบัญญัติของกฎหมาย
เนื่องจากการกระท าความผิดในแต่ละเรื่องมีปัจจัยที่แตกต่างกัน ไม่ว่าสภาพแห่งการ
ิ
กระท าผิด หรือตัวบุคคลผู้กระท าผิด การใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษจึงต้องค านึงถึงข้อเท็จจริงเป็น
ิ
รายบุคคลไป ซึ่งการก าหนดโทษให้เหมาะสมนั้นจ าต้องพจารณาจากข้อเท็จจริงแห่งคดีเป็นส าคัญ การที่
ิ
ิ
ประมวลกฎหมายวิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๑๗๖ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “ในชั้นพจารณาถ้าจ าเลย
ิ
้
ให้การรับสารภาพตามฟอง ศาลจะพพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ เว้นแต่คดีที่มีข้อหา
ั
ในความผิดซึ่งจ าเลยรับสารภาพนั้นกฎหมายก าหนดอตราโทษอย่างต่ าไว้ให้จ าคุกตั้งแต่ ๕ ปีขึ้นไปหรือ
โทษสถานที่หนักกว่านั้น ศาลต้องฟงพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจ าเลยได้กระท าผิดจริง” ท าให้คดีใน
ั
ั
ิ
ประเภทที่มีอตราโทษจ าคุกขั้นต่ าไม่ถึง ๕ ปี นั้น หากจ าเลยให้การรับสารภาพ ศาลสามารถที่จะพพากษา
คดีไปโดยไม่สืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ ในข้อนี้เป็นเหตุให้คดีดังกล่าวจะไม่มีขอเท็จจริงเกี่ยวกับตัวจ าเลย
้
หรือพฤติการณ์แห่งคดี มีเพยงข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากค าฟ้องของพนักงานอยการเท่านั้น กรณีจึงขาด
ั
ี
ข้อเท็จจริงที่ส าคัญที่จะน ามาใช้ในการก าหนดโทษแก่จ าเลย เช่น ประวัติภูมิหลัง ลักษณะการกระท า
ความผิด ลักษณะของความเสียหาย ผลที่เกิดขึ้นจากการกระท าความผิด เป็นต้น ซึ่งอาจท าให้การใช้โทษ
ทางอาญาไม่ได้สัดส่วนที่เหมาะสมกับสภาพและพฤติการณ์ของการกระท าผิดที่แท้จริงได้
๒. ปัญหาจากการใช้บัญชีมาตรฐานการลงโทษของศาล
เนื่องจากผู้พพากษาส่วนใหญ่มักจะยึดถือตามแนวทาง หรือเกณฑ์ที่ก าหนดไว้ในบัญชี
ิ
มาตรฐานการลงโทษของศาลเป็นหลัก โดยไม่มีการสืบหาข้อเท็จจริงมาประกอบการใช้ดุลพินิจเพอก าหนด
ื่
โทษให้เหมาะสมกับสภาพและพฤติการณ์ของการกระท าผิด ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากการก าหนดโทษที่ใช้
ิ
ดุลพนิจไปนั้น เป็นการลงโทษไปตามบัญชีมาตรฐานการลงโทษของศาลและอยู่ภายในกรอบที่กฎหมาย