Page 877 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 877
๘๖๕
๓. ปัญหาที่เกี่ยวกับทฤษฎีการลงโทษ
๒
ิ
ในการก าหนดโทษ ผู้พพากษาต้องค านึงถึงทฤษฎีทางอาชญาวิทยาและวัตถุประสงค์ใน
ื่
การลงโทษด้วย เพอน าทฤษฎีมาเป็นกรอบในการอธิบายเหตุผลสนับสนุน เพราะทฤษฎีจะอธิบายหลักการ
และวิธีการลงโทษให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการลงโทษในทางอาญาไว้ในหลาย ๆ ด้านด้วยกัน เช่น
ในด้านการทดแทนความผิด หรือในด้านการปรับปรุงแก้ไขผู้กระท าผิด เป็นต้น โดยน าข้อเท็จจริงในแต่ละ
ื่
คดีมาปรับใช้ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของการลงโทษในแต่ละทฤษฎี เพอให้เกิดประสิทธิภาพ และเกิด
ประโยชน์สูงสุด แต่ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ผู้พพากษาไม่ค่อยที่จะศึกษาหาหลักทฤษฎีเพอน ามาประยุกต์ใช้
ื่
ิ
ประกอบการพจารณาร่วมกับข้อเท็จจริง ส่งผลให้การก าหนดโทษแก่จ าเลยไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์
ิ
ของการลงโทษทางอาญา และไม่เหมาะสมกับความผิด และตัวผู้กระท าผิด
นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากการที่ผู้พพากษาส่วนใหญ่สับสนในการเลือกใช้ปรัชญาอาชญา
ิ
วิทยาในการลงโทษ หรือทฤษฎีการลงโทษมาประกอบการพจารณาก าหนดโทษ เพราะปรัชญาอาชญา
ิ
วิทยาในการลงโทษแต่ละปรัชญาจะมีวัตถุประสงค์ในการลงโทษในบางส่วนที่คล้ายกันหรือเหมือนกัน
บางส่วนขัดแย้งหรือแตกต่างกัน ในบางกรณีการน าเอาปรัชญาดังกล่าวมาใช้ในทางปฏิบัติจึงเกิดความ
ขัดแย้งกัน จนสับสนไม่อาจน าปรัชญาอาชญาวิทยาในการลงโทษมาใช้ในการก าหนดโทษให้เป็นเอกภาพ
และหากยึดถือปรัชญาอาชญาวิทยาในการลงโทษเพยงปรัชญาเดียว โดยไม่ค านึงถึงปรัชญาอนด้วย ก็จะ
ี
ื่
ท าให้ได้วัตถุประสงค์ของการลงโทษทางอาญาไม่สมบูรณ์และไม่เกิดประโยชน์สูงสุด
ั
ิ
ยิ่งไปกว่านั้นในส่วนตัวของผู้พพากษาเองก็อาจมีทัศนคติต่อทฤษฎีการลงโทษแตกต่างกน
ื่
บ้างมีความเชื่อแนวคิดของการลงโทษเพอแก้แค้นทดแทน หรือบ้างเชื่อในแนวคิดของการลงโทษเพอการ
ื่
ปรับปรุงแก้ไข ซึ่งอาจส่งผลให้ผู้พิพากษาใช้ดุลพินิจในการก าหนดโทษแตกต่างกัน
ื่
ิ
ดังนี้ เพอเป็นแนวทางในการพจารณาว่าความผิดใดควรที่จะเน้นทฤษฎีใดเป็นทฤษฎีหลัก
และน าทฤษฎีใดมาเป็นทฤษฎีรอง กล่าวคือ ถ้าเป็น
๑) ความผิดร้ายแรง ควรน าทฤษฎีการลงโทษเพอทดแทนมาใช้เป็นหลัก เพอให้
ื่
ื่
ผู้กระท าผิดรับผิดชอบต่อการกระท าของตน ซึ่งผู้กระท าผิดสมควรที่จะได้รับโทษตอบแทน อันจะท าให้เกิด
ความยุติธรรมโดยจะต้องลงโทษให้ได้สัดส่วนกับความผิด ส่งผลให้สังคมและผู้เสียหายยอมรับในผล
ที่ผู้กระท าผิดได้รับการลงโทษ ดังนั้น ผู้กระท าผิดแต่ละคนควรจะต้องได้รับโทษหนักเบาตามสัดส่วน
ความร้ายแรงที่เกิดขึ้น ส่วนทฤษฎีการลงโทษรอง ซึ่งจะมีผลและได้รับประโยชน์ตามมาด้วย คือ ทฤษฎีการ
ื้
ู
ื่
ลงโทษเพอป้องกันและทฤษฎีการลงโทษเพอปรับปรุงแก้ไขฟนฟ เช่น กรณีความผิดฐานฆ่าผู้อน ถือว่า
ื่
ื่
ข้อเท็จจริงแห่งคดีมีความรุนแรงมากต้องใช้ทฤษฎีการลงโทษเพอทดแทนมาเป็นหลัก กล่าวคือ การลงโทษ
ื่
ื่
ควรต้องให้ได้สัดส่วนกับความผิด เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและในขณะเดียวกันก็น าทฤษฎีการลงโทษอนมา
เป็นรองเพอเสริมด้วย เช่น ถ้าเห็นว่ามีประวัติภูมิหลังดี เพงกระท าผิดครั้งแรก และไม่ยากต่อการปรับปรุง
ิ่
ื่
๒ การใช้ดุลพินิจในการก าหนดโทษของศาลยุติธรรม, กลุ่มที่ ๒ หน้า ๔๗, ๔๘