Page 881 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 881
๘๖๙
ไว้ในบัญชีมาตรฐานการลงโทษหรือบัญชีมาตรฐานการลงโทษได้ก าหนดเกณฑ์ไว้กว้าง หรือไม่มีรายละเอียด
ก าหนดไว้มากพอ ซึ่งยากต่อการใช้ดุลพินิจว่าโทษที่ก าหนดนั้นได้สัดส่วนเหมาะสมกับสภาพและพฤติการณ์
ิ
ิ
ของการกระท าความผิดหรือไม่ ท าให้ผู้พพากษาขาดความมั่นใจในการใช้ดุลพนิจ เพราะไม่มีแนวทางหรือ
ข้อเท็จจริงที่ชัดเจนให้ผู้พิพากษาใช้เป็นหลักคิดก่อนว่าการลงโทษอาญาสอดคล้องกับข้อเท็จจริงที่ประมวล
กฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ก าหนดไว้จริงหรือไม่ รวมทั้งกรณีที่ยังไม่มีแนวตัดสินคดีในความผิดบางฐานไว้
้
เป็นแนวทางอยู่ในบัญชีมาตรฐานการลงโทษ อาจเป็นเพราะไม่เคยมีการฟองคดีหรือไม่เคยเกิดปัญหา
ดังกล่าวมาก่อน ดังนั้น หลักการที่ศาลสามารถน ามายึดถือและปฏิบัติตามได้ คือ ค าแนะน าของประธาน
ศาลฎีกา อันได้แก่
๑. ค าแนะน าของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับวิธีการรอการก าหนดโทษ ประกาศ ณ วันที่
๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ซึ่งมีทั้งหมด ๖ ข้อ และที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ คือ
ข้อ ๑ ภายใต้บังคับมาตรา ๕๖ แห่งประมวลกฎหมายอาญา ในคดีความผิดซึ่งตามบัญชี
มาตรฐานการลงโทษของศาลก าหนดให้รอการลงโทษได้ หรือความผิดอนใดซึ่งศาลเห็นว่าจ าเลยยังไม่
ื่
สมควรถูกจ าคุก หากพฤติการณ์แห่งคดีปรากฏว่า
(๑) การกระท าความผิดของจ าเลยมีสาเหตุมาจากความยากจนหรือกระท าไปโดย
รู้เท่าไม่ถึงการณ์ และความเสียหายที่เกิดขึ้นมีเพียงเล็กน้อย
(๒) จ าเลยได้ส านึกถึงความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายที่เกิดขึ้น และในกรณีที่มี
ผู้เสียหาย บุคคลดังกล่าวไม่ติดใจที่จะด าเนินคดีแก่จ าเลย
(๓) ผู้เสียหายกับจ าเลยมีความสัมพนธ์กันในทางหนึ่งทางใด เช่น เป็นญาติ เพอนบ้าน
ั
ื่
ั้
หรือผู้ร่วมงาน และความผิดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดไม่ร้ายแรงซึ่งทงสองฝ่ายต่างมีความเข้าใจที่ดีต่อกันแล้ว
(๔) เป็นความผิดที่ได้กระท าโดยประมาท และผู้เสียหายเป็นบุคคลในครอบครัวหรือ
ญาติของจ าเลยหรือตัวจ าเลยได้รับผลร้ายอย่างรุนแรงจากการกระท าความผิดนั้น หรือ
(๕) พฤติการณ์อนในท านองเดียวกับ (๑) ถึง (๔) ซึ่งศาลเห็นว่าจ าเลยไม่ควรมีประวัติ
ื่
ต้องโทษติดตัว
ื่
ิ
ศาลพึงพจารณาใช้วิธีการรอการก าหนดโทษเพอให้โอกาสจ าเลยกลับตัวภายในระยะเวลา
ที่ศาลเห็นสมควรก าหนด
ข้อ ๒ นอกเหนือจากเงื่อนไขเพอคุมความประพฤติตามประมวลกฎหมายอาญา
ื่
มาตรา ๕๖ วรรคสอง (๑) (๒) (๓) (๔) แล้ว ศาลอาจก าหนดเงื่อนไขอนตามมาตรา ๕๖ วรรคสอง (๕)
ื่
ดังต่อไปนี้ให้จ าเลยปฏิบัติเพิ่มเติมก็ได้
(๑) ให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแกผู้เสียหายหรือเยียวยาความเสียหายทางร่างกายหรือ
่
จิตใจให้แก่ผู้เสียหายโดยวิธีอื่นตามที่จ าเลยและผู้เสียหายตกลงกัน
(๒) ให้เข้ารับค าแนะน าจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ หรือบุคคลซึ่ง
ท าหน้าที่ให้ค าปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหาทางด้านจิตใจหรือทางสังคม ตามที่ศาลก าหนด