Page 882 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 882

๘๗๐


                                  (๓) ให้ปฏิบัติศาสนกิจตามที่ศาลเห็นสมควรและจ าเลยยินยอม

                                  (๔) ให้บริจาคเงินเพื่อการกุศลหรือสาธารณประโยชน์ ตามที่จ าเลยยินยอม

                                  (๕) ห้ามออกนอกสถานที่อยู่อาศัยในระหว่างเวลาที่ศาลก าหนด
                                  (๖) ห้ามเข้าไปในสถานที่ที่ศาลก าหนด

                                  (๗) ให้ท าทัณฑ์บนว่าจะไม่ก่อเหตุร้ายหรือก่อให้เกิดภัยอันตรายแก่ผู้อื่น
                                  (๘) ไม่เสพสุราหรือยาเสพติดให้โทษ

                                                                                  ั
                                  (๙) ไม่ประพฤติตนหรือกระท าการอย่างหนึ่งอย่างใดอนอาจน าไปสู่การกระท า
                 ความผิดอีก
                                  ข้อ ๓ ในระหว่างรอการก าหนดโทษ นอกจากพนักงานคุมประพฤติแล้ว ศาลอาจแต่งตั้ง

                 บุคคลในครอบครัวของจ าเลยหรือบุคคลที่ศาลเห็นสมควรซึ่งยอมรับดูแลจ าเลยเป็นผู้ควบคุมให้ค าแนะน า
                 ช่วยเหลือ หรือตักเตือนจ าเลยด้วยก็ได้

                                  ข้อ ๔ ถ้าภายในเวลาที่ศาลก าหนดตามข้อ ๑ จ าเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลได้วางไว้

                                      ี
                                                   ิ
                 หรือกระท าความผิดขึ้นอก แต่ศาลมิได้พพากษาให้จ าคุกในคดีหลัง ศาลอาจด าเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด
                 ดังต่อไปนี้ก็ได้
                                  (๑) ตักเตือนจ าเลย

                                  (๒) เปลี่ยนแปลงหรือเพิ่มเติมเงื่อนไขเพอคุมความประพฤติ
                                                                  ื่
                                  (๓) ก าหนดโทษแต่รอการลงโทษไว้

                                  (๔) ก าหนดโทษแล้วลงโทษซึ่งรอไว้นั้น

                                                                        ิ
                               ๒. ค าแนะน าของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับวธีการรอการก าหนดโทษ การรอการ
                 ลงโทษ และการก าหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติ พ.ศ. ๒๕๕๙ ซึ่งมีทั้งหมด ๕ หมวด ๑๖ ข้อ

                 โดยขอยกมาเฉพาะบางส่วน ได้แก่
                                                                    ึ
                                     ข้อ ๑ ก่อนก าหนดแนวทางการลงโทษ ศาลพงได้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับจ าเลยตามที่
                 ระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ วรรคหนึ่ง โดยสอบถามจ าเลย ตรวจส านวนการสอบสวน

                 หรือรายงานการสืบเสาะและพินิจจ าเลยของพนักงานคุมประพฤติ
                                                                                   ู
                                          ึ
                                                                                ื้
                                     ข้อ ๒ ศาลพงก าหนดแนวทางการลงโทษและการแก้ไขฟนฟจ าเลยที่หลากหลายตาม
                 ความร้ายแรงแห่งการกระท าความผิดและความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยให้มีการรอการก าหนดโทษหรือการ
                 รอการลงโทษให้เหมาะสมกับข้อเท็จจริงตามข้อ ๑ โดยเฉพาะในกรณีที่เป็นการกระท าความผิดครั้งแรก

                 และจ าเลยยังไม่สมควรถูกพจารณาก าหนดโทษให้เป็นมลทินติดตัว หรือให้รอการลงโทษในกรณีที่จ าเลย
                                        ิ
                 กระท าความผิดซ้ าแต่ยังมีเหตุให้แก้ไขปรับปรุงและกลับตัว ทั้งนี้ ศาลอาจก าหนดเงื่อนไขเพอคุมความ
                                                                                               ื่
                 ประพฤติด้วยหรือไม่ก็ได้

                                                                      ึ
                                     ข้อ ๓ การใช้ดุลพนิจในการก าหนดโทษ ศาลพงให้โอกาสจ าเลยมิต้องรับโทษจ าคุกหรือ
                                              ิ
                                        ึ
                                                            ื่
                                                                   ื้
                                                                      ู
                 โทษปรับโดยไม่จ าเป็น แต่พงเน้นการใช้มาตรการเพอแก้ไขฟนฟและป้องกันมิให้จ าเลยกระท าผิดซ้ าแทน
   877   878   879   880   881   882   883   884   885   886   887