Page 926 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 926

๙๑๔


                 สรุป

                        แนวทางการใช้ดุลพนิจเยียวยาผู้เสียหายของศาลในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหาย
                                        ิ
                 ต่อชีวิตหรือร่างกาย ศาลจะต้องสร้างสมดุลในคดีระหว่างการเยียวยาผู้เสียหายกับการลงโทษจ าเลยอย่าง

                 เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่จ าเลยรู้ส านึกถึงการกระท าความผิดของตนและแสดงออกถึงความ

                                                                                                 ี
                 รับผิดชอบต่อสังคม เมื่อจ าเลยไม่ได้กระท าความผิดโดยเจตนา การมุ่งลงโทษจ าคุกแก่จ าเลยเพยงอย่าง
                 เดียวไม่อาจเยียวยาผู้เสียหายได้ ทั้งการลงโทษจ าคุกจ าเลยในระยะสั้นไม่อาจก่อให้เกิดประโยชน์และยัง

                 ส่งผลกระทบต่อจ าเลยและครอบครัว ซึ่งความผิดในคดีประเภทนี้ทั้งผู้เสียหายและจ าเลยต่างได้รับความ
                 เสียหายทั้งทางร่างกายและสภาพจิตใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในการใช้ดุลพินิจลงโทษจ าเลย ศาลจึงต้องเข้าถึง

                 ความรู้สึกของคู่ความทุกฝ่าย ทั้งความสูญเสียที่ผู้เสียหายได้รับจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  ความรู้ส านึกในการ

                                                                   ื่
                 กระท าความผิดและความรับผิดชอบต่อสังคมของจ าเลย เพอก าหนดโทษได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม
                 กับความเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นรายกรณี การเยียวยาหรือชดใช้ค่าเสียหายแก่ผู้เสียหายก็เป็นเรื่องจ าเป็น

                 อย่างยิ่ง ในบางกรณีจ าเลยเป็นคนยากจนหรือมีฐานะทางการเงินไม่ดี จนไม่อาจเยียวยาชดใช้ค่าเสียหายได้
                 นั้น ย่อมมีส่วนที่ท าให้จ าเลยได้รับความเดือดร้อนทั้งผลในทางคดีและสภาพการเงินของจ าเลย ดังนั้น ควร

                 น าระบบการประกันภัยความผิดต่อบุคคลภายนอก (Liability Insurance) หรือ การประกันภัยค้ าจุนมา

                 บังคับใช้กับจ าเลย ในกรณีที่จ าเลยมีความเสี่ยงที่จะกระท าความผิดหรือมีประวัติในการกระท าความผิด
                 ประเภทนี้ ยิ่งควรที่จะมีสภาพบังคับให้จ าเลยท าประกันภัยค้ าจุน และควรแก้ไขปรับปรุงประมวลกฎหมาย

                                             ิ่
                    ิ

                 วิธีพจารณาความอาญาโดยการเพมมาตรา ๔๔/๑ วรรคแรก ให้อานาจศาลเรียกบุคคลที่ต้องร่วมรับผิดกับ
                               ่
                 จ าเลยในทางแพงเข้ามาในคดีได้ เพอเพมโอกาสให้ผู้เสียหายในการได้รับการเยียวยาชดใช้ค่าสินไหม
                                                ื่
                                                   ิ่
                 ทดแทน นอกจากนี้ในการพิจารณาก าหนดค่าสินไหมทดแทน ไม่ควรน าหลักการเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยมา
                 ใช้ตัดสิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ผู้เสียหายมีส่วนกระท าความผิดหรือมี
                 ส่วนประมาท ทั้งนี้ ศาลต้องค านึงถึงวัตถุประสงค์ที่กฎหมายก าหนดให้ศาลมีค าสั่งให้จ าเลยชดใช้ค่าสินไหม

                 ทดแทนให้แก่ผู้เสียหายว่า เนื่องจากการกระท าความผิดอาญา มักมีความรับผิดทางแพงรวมอยู่ด้วย การใช้
                                                                                        ่
                 สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนต่อศาลแพงเป็นเรื่องยุ่งยาก มีแนวโน้มว่าจะใช้ระยะเวลานาน และต้องเสีย
                                                    ่
                                 ี
                                         ื่
                 ค่าฤชาธรรมเนียมอกด้วย เพอให้ผู้เสียหายในคดีอาญามีความสะดวกและวิธีการที่รวดเร็ว รวมทั้งลดภาระ
                 ค่าใช้จ่ายแก่ผู้เสียหาย เมื่อมีวิธีการที่สามารถให้มีการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในคดีอาญาได้ ในกรณีที่
                                                ิ
                              ้
                 ผู้กระท าผิดถูกฟองด าเนินคดีและถูกพพากษาลงโทษคดีนั้น ย่อมมีข้อเท็จจริงที่ปรากฏต่อศาลในคดีอาญา
                                                           ื่
                                                                                                   ี
                 แล้ว จึงไม่จ าเป็นที่จะต้องให้ผู้เสียหายด าเนินคดีเพอเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระท าผิดซ้ าอกครั้ง
                 หนึ่ง ดังนี้ ก็จะเป็นการอ านวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายและเป็นประโยชน์ต่อจ าเลยและสังคมโดยรวม
   921   922   923   924   925   926   927   928   929   930   931