Page 921 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 921

๙๐๙


                                ื้
                                                                                              ื่
                                   ู
                 ยับยั้ง และแก้ไขฟนฟไม่ให้กระท าผิดอก ขณะเดียวกัน ต้องให้ผู้เสียหายได้รับการเยียวยาเพอให้กลับคืน
                                                 ี
                 สู่ฐานะเดิมหรือใกล้เคียงมากที่สุดด้วยการให้ผู้กระท าความผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

                                                                             ่
                        ปัญหาในทางคดีที่เกิดขึ้นโดยส่วนใหญ่ พบว่าผู้กระท าความผิดไมยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทน
                 ช าระล่าช้า หรือไม่มีความสามารถในการชดใช้ค่าสินไหมตามที่ผู้เสียหายเรียกร้องได้ เนื่องจากค่าสินไหม
                 ทดแทนที่ผู้เสียหายเรียกร้องสูงเกินไป หรือผู้กระท าผิดฐานะยากจน หรือเข้าใจว่าผู้เสียหายมีส่วนผิด สร้าง

                                   ิ
                 ปัญหาแก่ศาลในการพจารณาตัดสินคดี เพราะศาลไม่ต้องการลงโทษผู้กระท าความผิดด้วยการจ าคุก ด้วย
                 เหตุว่าส่วนใหญ่คดีขับรถโดยประมาทนี้ผู้กระท าความผิดไม่ได้กระท าโดยเจตนา หรือไม่ได้มีความชั่ว

                         ั
                 (ยกเว้นฟงได้ว่าประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง) ในขณะเดียวกันศาลก็ต้องการเยียวยาผู้เสียหาย แม้ว่า
                                                                                ่
                 ผู้เสียหายจะสามารถใช้สิทธิเรียกร้องในทางแพงได้ โดยการฟองเป็นคดีแพงต่อศาลแต่ก็เป็นปัญหาและ
                                                                     ้
                                                         ่
                 สร้างภาระให้แก่ผู้เสียหาย ทั้งยังเกิดความล่าช้าในการเยียวยาความเสียหาย
                        การที่ผู้เสียหายใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเข้ามาในคดีอาญา ตามประมวลกฎหมาย
                     ิ

                 วิธีพจารณาความอาญา มาตรา ๔๔/๑ นับเป็นหนทางที่อานวยความยุติธรรมให้แก่ผู้เสียหายได้สะดวก
                                                                            ่
                                                           ้
                 รวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการไปฟองร้องด าเนินคดีแพงที่ต้องจัดหาทนายความเอง และ
                 เสียค่าฤชาธรรมเนียมศาล ประกอบกับการเยียวยาผู้เสียหายเป็นประโยชน์ต่อการบรรเทาโทษของผู้กระท า
                 ความผิดหรือจ าเลยประการหนึ่ง โอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการเยียวยาอย่างรวดเร็วจึงมีมากกว่าการ

                                               ิ
                            ่
                 ด าเนินคดีแพงที่ต้องรอให้ศาลมีค าพพากษาและบังคับคดีต่อไป แต่ในหลายคดีผู้กระท าความผิดส่วนใหญ่
                                                                                      ื่
                 จะไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในทันที มักจะให้การปฏิเสธไว้ก่อนและต่อสู้คดีเพอยื้อระยะเวลาออกไป
                                             ิ
                 ให้นานที่สุด จนใกล้วันที่ศาลมีค าพพากษาจึงให้การรับสารภาพหรือวางเงินชดใช้ค่าเสียหาย เพราะไม่มีเงิน
                 หรือคิดว่าแนวทางการตัดสินคดีประเภทนี้สุดท้ายศาลก็จะบรรเทาโทษลดโทษให้ ผู้กระท าความผิดจึงไม่มี
                 ความเกรงกลัวในผลค าพิพากษา

                        ปัญหาการที่ผู้กระท าความผิดจะให้การรับสารภาพเมื่อใดหรือในช่วงเวลาใดในการพิจารณาคดีก็ได้

                 นั้น เป็นสิทธิโดยชอบธรรมของผู้กระท าความผิด แต่ผู้เขียนมีความเห็นว่า ศาลควรน าพฤติการณ์ในการรับ
                                                                      ิ
                            ิ
                 สารภาพมาพจารณาประกอบเหตุบรรเทาโทษลดโทษ โดยพเคราะห์ถึงเหตุแห่งการรับสารภาพและ
                 ช่วงเวลาในการรับสารภาพ เพราะการรับสารภาพในบางกรณีไม่อาจถือได้ว่าเป็นประโยชน์ในการพิจารณา
                 คดี หรือไม่ได้ให้ความรู้อนเป็นประโยชน์แก่ศาล เช่น ให้การรับสารภาพเพราะจ านนต่อพยานหลักฐาน ให้
                                     ั
                 การรับสารภาพในภายหลังระหว่างการสืบพยานหรือหลังการสืบพยานโจทก์หรือจ าเลยนั้น เป็นต้น กรณี

                 เช่นนี้ไม่ควรน ามาพจารณาลดโทษให้แก่จ าเลยถึงกึ่งหนึ่ง เพราะเหตุว่าจ าเลยไม่ได้รับสารภาพเพราะส านึก
                                 ิ
                                                ี
                 ผิด อย่างไรก็ดี ผู้เขียนยังมีความเห็นอกว่า การลงโทษจ าคุกจ าเลยในคดีขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่น
                 เสียหายต่อชีวิตหรือร่างกายนี้เป็นการกระท าความผิดที่มิใช่โดยเจตนา แต่จ าเลยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังให้

                 เพียงพอ การจะลงโทษสถานหนักด้วยการจ าคุกจ าเลยนั้นก็ไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาที่เหมาะสมนัก ผู้เขียน
                 เห็นว่า ควรน าเอาทฤษฎีการลงโทษเพอการแก้ไขฟนฟผู้กระท าความผิดมาใช้ (Rehabilitation Theory)
                                                            ื้
                                                 ื่
                                                               ู
                 กล่าวคือ ต้องหาสาเหตุของการกระท าความผิดของจ าเลยให้แน่ชัดก่อนหลังจากนั้นจึงหามาตรการในการ
   916   917   918   919   920   921   922   923   924   925   926