Page 916 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 916

๙๐๔


                  ิ
                 พจารณาก าหนดโทษ ลักษณะของผู้ถูกท าร้าย ได้แก่การพจารณาว่าผู้ถูกท าร้ายเป็นคนชนิดใด เช่น ผู้ชาย
                                                                 ิ
                 ผู้หญิง  เด็ก หรือคนชรา เป็นต้น ย่อมมีผลต่อการก าหนดโทษให้ต่างกันได้ เนื่องจากการกระท าผิดต่อบุคคล
                 ต่างๆ ดังกล่าวและการก าหนดโทษ ต้องเป็นไปตามสัดส่วนของความร้ายแรงที่เกิดขึ้นด้วย ประโยชน์ของรัฐ

                                                              ึ้
                 หรือสาธารณชน ได้แก การพิจารณาว่าความผิดที่เกิดขนนั้นมีผลกระท าต่อประโยชน์ส่วนรวมหรือท าให้เกิด
                                   ่
                 ความไม่สงบเรียบร้อยขึ้นมากน้อยเพยงใด ความผิดอย่างเดียวกันควรจะก าหนดโทษเช่นเดียวกัน เว้นแต่มี
                                               ี
                 ข้อเท็จจริงหรือพฤติการณ์แห่งคดีแตกต่างออกไป


                 การด าเนินคดีอาญาฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหายต่อชีวิตหรือร่างกาย



                        กรณีปรากฏว่าผู้ขับขี่ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อนเสียชีวิต จะถูกด าเนินคดีฐานประมาทเป็น
                                                                    ื่
                         ื่
                 เหตุให้ผู้อนถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑, ๕๙ วรรคสี่  หรือประมาทเป็นเหตุ
                             ั
                 ให้ผู้อนได้รับอนตรายแก่กายตามมาตรา ๓๐๐ หรือมาตรา ๓๙๐ และพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.
                     ื่
                 ๒๕๒๒ ซึ่งการกระท าความผิดกฎหมายเกี่ยวกับการจราจรเป็นการกระท าผิดที่มีโทษทางอาญาประเภทที่
                 ผิดเพราะกฎหมายได้บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิด (Mala Prohibita)   กล่าวคือ การกระท านั้นๆ ไม่ได้เป็น
                                                                       ๑๕
                 ความชั่วหรืออาชญากรรม ด้วยตัวของมันเองแต่อย่างใด

                        ในการพจารณาพพากษาคดี เนื่องจากไม่ใช่ความผิดที่เกิดขึ้นโดยเจตนา หากปรากฏว่ามีเหตุ
                                       ิ
                               ิ
                 บรรเทาโทษหรือเหตุลดโทษ ศาลมักจะให้โอกาสผู้กระท าผิดด้วยการลดโทษและรอการลงโทษ พร้อมสั่งให้
                 คุมประพฤติ โดยศาลจะน าข้อเท็จจริงอนๆ มาพิจารณาประกอบ อาทิ พฤติการณ์ในการขับขี่ ประมาทมาก
                                                 ื่
                       ี
                 น้อยเพยงใด การแสดงถึงความมีมนุษยธรรม การส านึกผิดในการกระท า การให้ความช่วยเหลือชดใช้
                                ๑๖
                 เยียวยาผู้เสียหาย  ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ว่า “เมื่อปรากฏว่ามีเหตุ
                 บรรเทาโทษ ไม่ว่าจะได้มีการเพมหรือการลดโทษ ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายนี้หรือกฎหมายอื่น
                                           ิ่
                 แล้วหรือไม่ ถ้าศาลเห็นสมควรจะลดโทษไม่เกินกึ่งหนึ่งของโทษที่จะลงแก่ผู้กระท าความผิดนั้นก็ได้ เหตุ

                 บรรเทาโทษนั้น ได้แก่ ผู้กระท าความผิดเป็นผู้โฉดเขลาเบาปัญญา ตกอยู่ในความทุกข์อย่างสาหัส มีคุณ

                 ความดีมาแต่ก่อน รู้สึกความผิดและพยายามบรรเทาผลร้ายแห่งความผิดนั้น ลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานหรือ
                 ให้ความรู้แก่ศาลอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา หรือเหตุอื่นที่ศาลเห็นว่ามีลักษณะท านองเดียวกัน”

                        หากจ าเลยให้การรับสารภาพ ศาลจะถือว่าให้ความรู้แก่ศาลอนเป็นประโยชน์แก่การพจารณาจึงมี
                                                                          ั
                                                                                               ิ
                 เหตุบรรเทาโทษ เช่น ขับรถในขณะมึนเมาด้วยความเร็วสูง จ าเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การ
                 พจารณา มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตาม ปอ. มาตรา ๗๘  จ าเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่
                                                                  ๑๗
                  ิ
                 การพจารณา ภายหลังเกิดเหตุจ าเลยได้พยายามบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ทายาท โดยชดใช้ค่าเสียหาย
                      ิ

                        ๑๕  คณิต ณ นคร, ประมวลกฎหมายอาญา หลักกฎหมายและพื้นฐาน การเข้าใจ, พิมพ์ครั้งที่ ๕
                 (กรุงเทพมหานคร: ส านักพิมพ์นิติธรรม, ๒๕๓๘), หน้า ๒๐๙.

                        ๑๖  ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๑๔๙๑๙/๒๕๕๗.
                        ๑๗  ค าพิพากษาศาลฎีกาที่ ๒๗๗๕/๒๕๔๗.
   911   912   913   914   915   916   917   918   919   920   921