Page 915 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 915
๙๐๓
๑) ระบบค านึงถึงผล (Erfolgsstrafrecht) หมายถึง ถ้าผลของการกระท าผิดเกิดขึ้น
ร้ายแรงมาก ประมวลกฎหมายอาญาก็ก าหนดโทษไว้หนักมาก ตามสัดส่วนของผลการกระท าผิด หากผล
การกระท าผิดเกิดขึ้นเล็กน้อย ประมวลกฎหมายอาญาก็ก าหนดโทษให้น้อยลง ซึ่งระบบนี้เป็นแนวคิดที่ยึด
ื่
ตามหลักทฤษฎีการลงโทษเพอแก้แค้นทดแทน ความจริงแล้วระบบค านึงถึงผลไม่ใช่หลักการที่ดี เพราะ
ความชั่วของบุคคลอยู่ที่จิตใจ ความผิดจึงควรมีโทษหนักหรือเบา ขึ้นอยู่กับผู้กกระท าผิดจะมีจิตใจชั่วมาก
หรือน้อย เช่น การมีเจตนาชั่วมากหรือน้อย ประมาทมากหรือน้อย หาใช่อยู่ที่ผลที่เกิดขึ้นไม่ แต่ฝ่าย นิติ
บัญญัติไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ดังนั้น การก าหนดโทษฝ่ายนิติบัญญัติจึงจ าเป็นต้องค านึงถึงว่า เมื่อศาลลงโทษ
ไปแล้ว ควรจะเป็นที่พอใจของประชาชนทั่วๆ ไปอกด้วย ฝ่ายนิติบัญญัติต้องค านึงถึงหลักการของ
ี
ิ
ั
ิ
วัตถุประสงค์การลงโทษมาใช้ประกอบการพจารณาก าหนดอตราโทษในกฎหมายเพอให้ศาลใช้ดุลยพนิจได้
ื่
อย่างเหมาะสม
๒) ระบบค านึงถึงจิตใจ (Willenstrafrecht) หมายถึง ถ้าจิตใจชั่วมากประมวลกฎหมาย
อาญาก็ก าหนดโทษหนักมาก ตามสัดส่วนความชั่วของจิตใจ ซึ่งประมวลกฎหมายอาญาใช้เฉพาะกรณีความผิด
ที่กระท าโดยเจตนา ส่วนการกระท าผิดโดยประมาทนั้น ประมวลกฎหมายอาญาใช้ระบบค านึงถึงผล กล่าวคือ
ประมวลกฎหมายอาญาไม่มีบทบัญญัติที่จะก าหนดโทษสูงขึ้นในกรณีที่ผู้กระท าประมาท ศาลจะต้องใช้
๑๔
ดุลพินิจในการก าหนดโทษภายในกรอบของโทษตามที่กฎหมายก าหนดไว้ในมาตรานั้นๆ
แม้การก าหนดโทษจะอยู่ภายใต้การควบคุมของฝ่ายนิติบัญญัติ แต่ฝ่ายนิติบัญญัติก็ให้ศาล
ิ
ิ
มีอานาจก าหนดโทษตามดุลพนิจได้บางส่วนตามกรอบที่ก าหนดไว้ดังที่กล่าวข้างต้น ผู้พพากษาจึงต้อง
ตระหนักถึงเจตนารมณของกฎหมายและใช้ความระมัดระวังพิเคราะห์ให้ละเอยด ค านึงถึงปัจจัยข้อเท็จจริง
ี
์
ื่
ต่างๆ เพอให้การก าหนดโทษให้มีความเหมาะสม ถ้าหากก าหนดโทษไม่เหมาะสมแล้ว กล่าวคือ หนักหรือ
เบาเกินไป ย่อมมีผลกระทบต่อกระบวนการยุติธรรมทางอาญาอย่างมากมายหลายประการ
ื่
ิ
การที่จะผสมผสาน แนวคิดทฤษฎีต่างๆ เพอน ามามาประกอบการพจารณาใช้ดุลพนิจก าหนดโทษนั้น
ิ
ฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้วางหลักเกณฑ์หรือก าหนดเงื่อนไขในการก าหนดโทษโดยทั่วไปไว้ในกฎหมายอาญา
๕.๒ พิจารณาจากข้อเท็จจริงแห่งคดีและหลักทฤษฎี
ฝ่ายตุลาการควรค านึงถึงปัจจัยต่างๆ ที่ส าคัญเกี่ยวข้อง ทั้งข้อเท็จจริงแห่งคดีและ
หลักทฤษฎี เพื่อน ามาประกอบการพิจารณาใช้ดุลพินิจในการก าหนดโทษให้มีความเหมาะสม
ข้อเท็จจริงแห่งคดีคือ ลักษณะของผู้กระท าความผิด ได้แก่ การพจารณาถึงความ
ิ
ชั่วร้ายของผู้กระท าผิด โดยแยกออกเป็นเจตนากับประมาท ส าหรับการกระท าโดยเจตนาต้องดูที่จิตใจของ
ผู้กระท าผิดเป็นส าคัญ หลักที่ว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” อนเป็นการแสดงให้เห็นถึงนิสัยของผู้กระท า
ั
ั
่
ผิดได้ ส่วนการกระท าโดยประมาทควรค านึงถึงว่า ผู้กระท าผิดกระท าไปด้วยความมักงาย หรือป่วยเจ็บอน
เป็นเหตุให้กระท าความผิดขึ้นซึ่งมีความจ าเป็นต้องน าลักษณะต่างๆ ดังกล่าวมาเพอใช้ประกอบในการ
ื่
๑๔ หยุด แสงอุทัย, ค าอธิบายกฎหมายอาญา, (กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, ๒๕๐๓),
หน้า ๒๓๕.