Page 95 - บทความทางวิชาการหลักสูตร ผู้พิพากษาหัวหน้าศาล รุ่นที่ 21
P. 95
๘๒
ิ
มีข้อพจารณาในเรื่องการก าหนดโทษทางอาญาในประเทศซึ่งใช้ระบบคอมมอนลอว์กับระบบ
ซีวิลลอว์ว่า ในประเทศซึ่งใช้ระบบซีวิลลอว์ รวมทั้งประเทศไทย ไม่มีการแยกขั้นตอนการก าหนดโทษออกจาก
ขั้นตอนของการพจารณาว่าจ าเลยมีความผิดหรือไม่ กล่าวคือ ศาลจะพจารณาพยานหลักฐานว่าจ าเลยกระท าผิด
ิ
ิ
ิ
ิ
ิ
หรือไม่และก าหนดโทษรวมไปในค าพพากษาฉบับเดียวและในกระบวนพจารณาเดียวกัน ซึ่งกระบวนพจารณา
ทั้งสองระบบต่างมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันออกไป กล่าวคือ ในระบบคอมมอนลอว์ หากจ าเลยให้การรับสารภาพ
ี
ไม่ว่าคดีจะร้ายแรงและมีโทษสูงเพยงใดก็ไม่ต้องมีการสืบพยาน ส่วนการวินิจฉัยข้อเท็จจริงที่จ าเลยให้การปฏิเสธ
จะเป็นหน้าที่ของลูกขุนซึ่งจะพจารณาพยานหลักฐานในส่วนส าคัญว่าจ าเลยกระท าผิดหรือไม่ ดังนั้น ไม่ว่าศาล
ิ
ในระบบคอมมอนลอว์จะก าหนดโทษบนพนฐานของค ารับสารภาพของจ าเลย หรือการวินิจฉัยพยานหลักฐานของ
ื้
ลูกขุนในกรณีจ าเลยให้การปฏิเสธ ศาลยังคงขาดข้อมูลที่จ าเป็นในการก าหนดโทษ ระบบคอมมอนลอว์จึงแยก
ขั้นตอนการก าหนดโทษออกเป็นกระบวนพจารณาต่างหาก เพอให้คู่ความทั้งสองฝ่ายมีโอกาสเสนอข้อเท็จจริง
ื่
ิ
ที่จ าเป็นต่อการก าหนดโทษต่อศาล ตลอดจนโต้แย้งพยานหลักฐานของแต่ละฝ่าย และให้ศาลมีโอกาสแสวงหา
ข้อเท็จจริงโดยผ่านรายงานก่อนก าหนดโทษ (pre-sentence report) ที่จัดท าโดยพนักงานคุมประพฤติหรือ
นักสังคมสงเคราะห์ ส่วนในระบบซีวิลลอว์ ส่วนใหญ่แล้วแม้จ าเลยรับสารภาพก็ต้องมีการสืบพยาน โดยศาลท า
หน้าที่ทั้งผู้วินิจฉัยข้อเท็จจริงและผู้ก าหนดโทษ คู่ความทั้งสองฝ่ายจะน าเสนอข้อเท็จจริงที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งการ
ิ
พจารณาว่าจ าเลยมีความผิดหรือไม่ และการพจารณาว่าควรก าหนดโทษจ าเลยอย่างไร ในระบบซีวิลลอว์นี้ การมี
ิ
กระบวนพจารณาเพอการก าหนดโทษที่แยกต่างหากออกไปตลอดจนกลไกในการแสวงหาข้อเท็จจริงเพมเติม
ื่
ิ่
ิ
ในรูปแบบของรายงานก่อนก าหนดโทษจะไม่จ าเป็น เพราะหากมีข้อเท็จจริงที่ศาลเห็นว่ามีประโยชน์ จะมีการ
เตรียมการตั้งแต่ก่อนขั้นตอนการสืบพยาน
๑๙
ปัญหาการบังคับใช้ข้อสันนิษฐานความรับผิดและความได้สัดส่วนของบทก าหนดโทษในกฎหมาย
ยาเสพติดของไทย
กฎหมายยาเสพติดที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ คือ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒
พระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. ๒๕๕๙ ส่วนพระราชก าหนดป้องกันการใช้สารระเหย
พ.ศ. ๒๕๓๓ ไม่มีการน าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายมาใช้บังคับแต่อย่างใด
พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๑) พ.ศ. ๒๕๒๒ มีการน าข้อสันนิษฐานตามกฎหมายแบบ
เด็ดขาดมาใช้ในการก าหนดความผิดฐานผลิต น าเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพอจ าหน่าย ซึ่งยาเสพติด
ื่
ให้โทษในประเภท ๑ ประเภท ๒ ประเภท ๔ และประเภท ๕ ดังเช่นมาตรา ๑๕ วรรคสอง ที่บัญญัติว่า “การผลิต
๑๙ ศุภกิจ แย้มประชา. (๒๕๖๑). แนวทางการปฏิรูประบบการก าหนดโทษอาญา (sentencing reform) ตามแผนการ
ปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม พ.ศ. ๒๕๖๐ - ๒๕๖๔. นิตยสารส านักงานศาลยุติธรรม ดุลพาห เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕
กันยายน – ธันวาคม ๒๕๖๑, หน้า ๑๓๕ - ๑๓๖.