Page 127 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 127
ดุลพาห
ให้คู่พิพาทมากขึ้นโดยมีสาระสำาคัญ เช่น ปรับปรุงระบบการเสนอชื่อคณะอนุญาโตตุลาการ
เพื่อลดระยะเวลาในการแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการ กำาหนดมาตรการเพื่อคุ้มครองประโยชน์
ของคู่พิพาทระหว่างดำาเนินกระบวนพิจารณาทางอนุญาโตตุลาการ และกำาหนดกรอบระยะ
๗
เวลาเบื้องต้นในกระบวนพิจารณา (Procedural Timetable) เพื่อให้การดำาเนินกระบวน
พิจารณากระชับและมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ สถาบันอนุญาโตตุลาการยังได้ปรับปรุงระบบการคัดเลือกผู้มีความรู้
ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพต่าง ๆ เพื่อขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการ รวมถึงปรับปรุงอัตราค่า
ป่วยการอนุญาโตตุลาการและค่าใช้จ่ายในการดำาเนินกระบวนพิจารณาอนุญาโตตุลาการ ดังนี้
๑. ทะเบียนอนุญ�โตตุล�ก�ร (Roster of Arbitrators)
สำานักงานศาลยุติธรรมได้ออกประกาศสำานักงานศาลยุติธรรม เรื่อง การขึ้นทะเบียน
อนุญาโตตุลาการของสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำานักงานศาลยุติธรรม กำาหนดหลักเกณฑ์และ
วิธีการขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการ โดยผู้ที่จะขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการต้องมีคุณสมบัติ
และความรู้ความเชี่ยวชาญในสาขาวิชาชีพตามที่ประกาศกำาหนด และเพื่อสร้างความโปร่งใส
ในการพิจารณารับขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการ จึงกำาหนดให้การพิจารณารับขึ้นทะเบียนต้อง
กระทำาโดยคณะกรรมการพิจารณาคุณสมบัติของผู้ที่จะขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการ ทะเบียน
อนุญาโตตุลาการนี้มีไว้สำาหรับเป็นทางเลือกแก่คู่พิพาทในการพิจารณาแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้
ความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านที่สอดคล้องกับลักษณะของข้อพิพาท และสร้างความมั่นใจให้แก่
คู่พิพาทเกี่ยวกับความเชี่ยวชาญของผู้ขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการ
ปัจจุบัน ผู้ที่ขึ้นทะเบียนอนุญาโตตุลาการของสถาบันอนุญาโตตุลาการ มีทั้งอดีต
ผู้พิพากษา อัยการ ทนายความ นักกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านอื่นๆ เช่น วิศวกร นักบัญชี
แพทย์ ตลอดจนนักกฎหมายชาวต่างชาติซึ่งมีความรู้กฎหมายของต่างประเทศ เพื่อให้คู่พิพาท
สามารถเลือกมาทำาหน้าที่ชี้ขาดข้อพิพาทกรณีที่สัญญากำาหนดให้ใช้กฎหมายรัฐอื่นบังคับแก่
ข้อพิพาท (choice of law clause)
๗. ข้อบังคับสำานักงานศาลยุติธรรม ว่าด้วยอนุญาโตตุลาการ สถาบันอนุญาโตตุลาการ ข้อ ๒๘ วรรคสอง
“...ภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันแต่งตั้งอนุญาโตตุลาการคนสุดท้าย ให้คณะอนุญาโตตุลาการหารือกับคู่พิพาท
เพื่อกำาหนดกรอบระยะเวลาเบื้องต้นในการดำาเนินกระบวนพิจารณาจนแล้วเสร็จ อันมีกำาหนดไม่เกิน
๑๘๐ วัน แล้วเสนอให้สถาบันเห็นชอบ....”
116 เล่มที่ ๒ ปีที่ ๖๕