Page 122 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 122

ดุลพาห




               โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีข้อพิพาทเกี่ยวกับสัญญาทางปกครองที่มีการชี้ขาดข้อพิพาทโดย
               อนุญาโตตุลาการมาแล้ว โดยบริบทของการใช้อนุญาโตตุลาการในสัญญาทางปกครองของ

               ประเทศฝรั่งเศสและประเทศไทยมีความแตกต่างกัน กล่าวคือ โดยหลักแล้วสัญญาทาง

               ปกครองในฝรั่งเศสถือว่าไม่ให้มีการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ  ฉะนั้น การที่ศาล
               ปกครองฝรั่งเศสจะวางหลักเช่นนี้หรือไม่ อย่างไร ย่อมไม่มีผลกระทบต่อการยอมรับ

               ระบบการชี้ขาดข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการที่จำากัดเหตุที่ศาลจะควบคุมตรวจสอบเอาไว้
               ในขณะที่ประเทศไทยยอมรับให้มีอนุญาโตตุลาการในสัญญาทางปกครองได้ทั้งในกฎหมาย

               และในทางปฏิบัติ การจะนำาหลักอย่างเดียวกันนี้มาใช้แก่กรณีสัญญาทางปกครองของไทย
               ที่มีการชี้ขาดโดยอนุญาโตตุลาการ จึงจะส่งผลให้เกิดเป็นหลักการว่าศาลปกครองของไทยมี

               อำานาจทบทวนคำาชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการได้เสมอเพียงเพราะเหตุที่ศาล “เห็นต่าง”

               จากคำาชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการในเรื่อง  “จำานวนเงิน” ที่ฝ่ายปกครองต้องรับผิดไม่ว่า
               ข้อที่เห็นต่างนั้นจะเป็นเรื่องที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยฯ หรือไม่ก็ตาม การนำาหลักนี้มาปรับ
               ใช้แก่สัญญาทางปกครองของไทยในกรณีที่มีคำาชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ จึงเป็นการ

               ย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับหลักการที่ยอมรับให้ศาลทบทวนคำาชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ

               ได้เฉพาะเหตุที่จำากัดไว้เท่านั้น

                        กล่าวโดยสรุป หลัก “รัฐไม่ต้องจ่ายในสิ่งที่รัฐไม่ได้เป็นหนี้” เป็นหลักที่มีขึ้น

               ในกฎหมายปกครองของฝรั่งเศส โดยศาลปกครองฝรั่งเศสวางหลักนี้ไว้เพื่อป้องกันและจัดการ
               กับปัญหา  ที่ฝ่ายปกครองจะไปเสนอหรือยอมรับว่าจะจ่ายเงินให้แก่ผู้ใดโดยที่ฝ่ายปกครองไม่มี

               หนี้ที่ต้องรับผิดเช่นนั้น ความหมายที่แท้จริงของหลักดังกล่าวจึงไม่ใช่เข้าใจผิวเผินตามถ้อยคำา
               ที่เรียกกัน และหลักดังกล่าวไม่ได้มีขึ้นเพื่อนำามาใช้โดยตรงแก่กรณีความรับผิดทางสัญญาของรัฐ

               โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ข้อพิพาททางสัญญานั้นได้มีการชี้ขาดโดยระบบอนุญาโตตุลาการ
               มาแล้ว เพราะความรับผิดทางสัญญาของรัฐก็ดี หรือความรับผิดทางสัญญาที่เกิดจากคำาชี้ขาด

               ของอนุญาโตตุลาการก็ดี มิใช่ความรับผิดที่รัฐไปเสนอหรือไปยินยอมรับผิดแก่ผู้ใดเอาเอง

               หากแต่เป็นความรับผิดอันเกิดจากเจตนาสมัครใจของรัฐตั้งแต่เริ่มต้นที่จะเข้าผูกพันกับคู่กรณี
               อีกฝ่ายจนเกิดเป็นสัญญาขึ้น หรือเกิดจากการที่รัฐและคู่สัญญาอีกฝ่ายหนึ่งตกลงมอบข้อพิพาท

               ให้อนุญาโตตุลาการและต่อมาอนุญาโตตุลาการเป็นผู้ชี้ขาดให้รับผิดเช่นนั้น และถึงแม้ว่าหลัก
               ดังกล่าวนี้จะเป็นหลักที่เป็นประโยชน์และอาจนำามาปรับใช้ในกฎหมายปกครองของไทยได้

               เช่นกันในบางกรณีก็ตาม แต่ไม่อาจจะนำามาใช้แก่กรณีสัญญาทางปกครองของไทยที่มีคำาชี้ขาด




               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     111
   117   118   119   120   121   122   123   124   125   126   127