Page 120 - นิตยสารดุลพาห เล่มที่ ๒-๒๕๖๑-กฎหมาย
P. 120

ดุลพาห




               อุทธรณ์ในคดีเกี่ยวกับการอนุญาโตตุลาการเอาไว้พิจารณาหรือไม่ จึงต้องมีขอบเขตการพิจารณาที่

               เคร่งครัดและเคารพต่อบทบัญญัติของกฎหมาย โดยผู้เขียนเคยเสนอแนวทางเบื้องต้นในการตรวจ
               อุทธรณ์ตามมาตรา ๔๕ ไว้ว่า ในลำาดับแรก ศาลพึงตรวจอุทธรณ์โดยพิจารณา “ข้อกล่าวอ้าง”

               ตามที่ระบุในคำาอุทธรณ์ว่ามีลักษณะของข้อกล่าวอ้างตามกรณีที่กฎหมายกำาหนดหรือไม่

               โดยไม่จำาต้องยึดถือเคร่งครัดตาม “ถ้อยคำา” ที่ใช้ในคำาอุทธรณ์ลำาดับที่สอง การตรวจอุทธรณ์
               โดยพิจารณาจากข้อกล่าวอ้างเช่นนี้ ศาลสูงต้องไม่พิจารณาลงไปถึง “เนื้อหา” ของคำาสั่งหรือ

               คำาพิพากษาที่มีการอุทธรณ์ว่ารับฟังได้ตามข้อกล่าวอ้างเหล่านั้นหรือไม่ เพราะการตรวจ

               อุทธรณ์เป็นเพียงการตรวจเบื้องต้นว่าเป็นคำาอุทธรณ์ที่สมบูรณ์ถูกต้อง และมีลักษณะตามที่

               กฎหมายกำาหนด ที่ศาลสูงอาจรับอุทธรณ์ได้หรือไม่เท่านั้น หากในชั้นนี้ศาลสูงทำาการพิจารณา
               ล่วงลงไปถึง “เนื้อหา” กรณีก็จะไม่ใช่การพิจารณาที่ถูกต้องกับขั้นตอนการตรวจอุทธรณ์ หรือ

               ในทางกลับกัน การที่ศาลพิจารณาล่วงลงไปถึง “เนื้อหา” แล้วเห็นว่าในเนื้อหาของเรื่องเป็น

               กรณีตามมาตรา ๔๕ (๑) หรือ (๒) การให้รับอุทธรณ์ไว้พิจารณาก็เป็นเพียงพิธีการเพื่อที่ใน
               ที่สุดศาลสูงจะมีคำาพิพากษากลับคำาสั่งหรือคำาพิพากษาของศาลชั้นต้นต่อไปเท่านั้น และใน

               ลำาดับที่สาม ในกรณีที่เห็นได้ว่าประเด็นตามข้อกล่าวอ้างนั้นไม่ได้มีลักษณะเป็นเรื่องความ

               สงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน กรณีเช่นนี้ก็ไม่อาจอ้างเป็นเหตุข้อยกเว้นให้
               อุทธรณ์ได้ตามมาตรา ๔๕ (๑) หรือ (๒) ซึ่งการตรวจอุทธรณ์ตามแนวทางเช่นนี้มีแนวคำาวินิจฉัย

               ของศาลปกครองในระยะหลังจำานวนหนึ่งเริ่มวางหลักให้ชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขตใน

               การอุทธรณ์เอาไว้ โดยศาลเห็นว่า “บทบัญญัติมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติอนุญาโต
               ตุลาการ พ.ศ. ๒๕๔๕ แสดงให้เห็นถึงหลักการของพระราชบัญญัติอนุญาโตตุลาการ

               พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ต้องการกำาหนดขอบเขตจำากัดอำานาจศาลในการทบทวนเปลี่ยนแปลง

               หรือแก้ไขคำาชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นจาก
               ความประสงค์ของคู่สัญญาเองที่ต้องการให้มีการระงับข้อพิพาทโดยวิธีการดังกล่าว

               โดยในส่วนของบทบัญญัติมาตรา  ๔๕ วรรคหนึ่ง เป็นการกำาหนดขอบเขตจำากัดเอา

               ไว้อีกชั้นหนึ่ง ไม่ให้มีช่องทางจะขอให้ศาลสูงทบทวนคำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาล
               ตามพระราชบัญญัตินี้ได้อีก เว้นแต่จะเป็นกรณีที่เข้าข้อยกเว้นตามที่กฎหมายบัญญัติ

               ไว้และในการพิจารณาอุทธรณ์ตามเหตุข้อกล่าวอ้างตามมาตรา  ๔๕ วรรคหนึ่ง (๑)

               หรือ  (๒)  แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวต่อไปด้วยว่า  ถึงแม้มีการยกเหตุดังว่านั้นใน




               พฤษภาคม - สิงหาคม ๒๕๖๑                                                     109
   115   116   117   118   119   120   121   122   123   124   125