Page 219 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 219

ดุลพาห




                     จากบทบัญญัติของมาตรา ๘๓ สัตต ที่แก้ไขเพิ่มเติมดังกล่าว เห็นว่าเป็นการกำาหนด
            วิธีการส่งหมายเรียกและคำาฟ้องตั้งต้นคดีไปยังจำาเลยหรือบุคคลภายนอกที่มีภูมิลำาเนาหรือ

            สำานักทำาการงานในต่างประเทศเพิ่มเติมอีกวิธีหนึ่ง คือ วิธีการส่งโดยผ่านช่องทางไปรษณีย์ด่วน

            พิเศษระหว่างประเทศหรือผู้ประกอบกิจการรับส่งพัสดุภัณฑ์ระหว่างประเทศ ทำาให้ศาลและ
            คู่ความสามารถดำาเนินการได้อย่างคล่องตัว และมีความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น หากเปรียบ

            เทียบกับวิธีเดิมก่อนมีการแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติมาตรานี้ การส่งหมายเรียกและคำาฟ้องตั้งต้น
            คดีให้แก่จำาเลยหรือบุคคลภายนอกในต่างประเทศจะกระทำาผ่าน ๒ ช่องทางหลัก ได้แก่ การส่ง

            โดยวิธีการที่กำาหนดไว้ในข้อตกลงระหว่างประเทศ และการส่งผ่านวิถีทางการทูต (Diplomatic
            Channels) ซึ่งทั้งสองวิธีนี้จะกระทำาได้ก็ต่อเมื่อมีการร้องขอความร่วมมือระหว่างประเทศ

            ไปยังศาลยุติธรรมหรือหน่วยงานที่มีอำานาจหน้าที่ (Competent Authority) ของต่างประเทศ

            ซึ่งจะต้องมีการดำาเนินการผ่านหน่วยงานต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ดี การส่ง
            หมายเรียกและคำาฟ้องตั้งต้นคดีให้แก่บุคคลในต่างประเทศทั้งภายใต้วิถีทางการทูตหรือผ่าน
            ช่องทางไปรษณีย์ด่วนพิเศษระหว่างประเทศหรือผู้ประกอบกิจการรับส่งพัสดุภัณฑ์ระหว่าง

            ประเทศ ต่างก็ถือเป็นการดำาเนินกระบวนพิจารณาอย่างหนึ่งของศาลไทยที่อาจถูกเรียกเก็บ

            ค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในการดำาเนินการจากหน่วยงานของต่างประเทศหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
            เว้นแต่การดำาเนินการผ่านข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งโดยทั่วไปจะไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย

            ในการดำาเนินการเนื่องจากมีพันธกรณีกำาหนดไว้อย่างชัดแจ้ง ดังนั้น ภาระค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น
            ดังกล่าวย่อมเป็นหน้าที่ของโจทก์ที่จะต้องรับผิดชอบชำาระให้แก่หน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง

            ในการดำาเนินการ ซึ่งในกรณีประสานความร่วมมือผ่านวิถีทางการทูตจะต้องชำาระผ่านสำานักงาน
            ศาลยุติธรรม โดยตามคู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการจะกำาหนดให้โจทก์วางเงินค่าใช้จ่ายไว้

            ล่วงหน้าตามจำานวนที่ศาลเห็นสมควร ๑

                     ตามบทบัญญัติมาตาม ๘๓ สัตต ได้กำาหนดให้มีการวางหลักเกณฑ์และและวิธีการ

            ในทางปฏิบัติโดยออกเป็นข้อกำาหนดของประธานศาลฎีกาเกี่ยวกับการส่งหมายเรียกและ

            คำาฟ้องตั้งต้นคดีเพื่อให้เกิดความคล่องตัว ทันกับสภาพเหตุการณ์และความเปลี่ยนแปลง
            ในปัจจุบัน โดยสามารถกำาหนดวิธีการ ขั้นตอน และรายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่อง

            ดังกล่าว เพื่อการบังคับใช้กฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความเป็นธรรมแก่คู่ความทั้งสอง

            ๑.  คู่มือปฏิบัติราชการของตุลาการ เล่ม ๓ ส่วนภาคผนวก กรณีศาลไทยร้องขอความช่วยเหลือจากศาลต่าง
               ประเทศและการส่งประเด็นไปสืบพยานและส่งคำาคู่ความและเอกสารต่าง ๆ ในต่างประเทศ หน้า ๓๓.




            208                                                              เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕
   214   215   216   217   218   219   220   221   222   223   224