Page 223 - ดุลพาห เล่ม3.indd
P. 223
ดุลพาห
ในคดีแรงงานและคดีผู้บริโภค จะเห็นว่ามีบทบัญญัติกฎหมายที่ยกเว้นค่าฤชา
ธรรมเนียมที่เกี่ยวกับการดำาเนินกระบวนพิจารณาแตกต่างจากบทบัญญัติกฎหมายว่าด้วยวิธี
พิจารณาความแพ่งทั่วไป โดยบทบัญญัติกฎหมายที่ใช้ในคดีแรงงานตามพระราชบัญญัติจัดตั้ง
ศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๒๗ ซึ่งบัญญัติว่า “การยื่นคำาฟ้อง
ตลอดจนการดำาเนินกระบวนพิจารณาใด ๆ ในศาลแรงงานกลางให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องชำาระค่า
ฤชาธรรมเนียม” และในคดีผู้บริโภค เมื่อพิจารณาจากบทบัญญัติมาตรา ๑๘ วรรคหนึ่งแห่ง
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ วางหลักว่า ภายใต้บังคับของกฎหมาย
ว่าด้วยความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย การยื่นคำาฟ้องตลอดจน
การดำาเนินกระบวนพิจารณาใดๆ ในคดีผู้บริโภคซึ่งดำาเนินการโดยผู้บริโภคหรือผู้มีอำานาจฟ้อง
คดีแทนผู้บริโภคให้ได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง แต่ไม่รวมถึงความรับผิดในค่าฤชา
๗
ธรรมเนียมในชั้นที่สุด ซึ่งศาลฎีกาได้มีคำาวินิจฉัยในคำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๗๔๘/๒๕๕๗
๗. คำาพิพากษาศาลฎีกาที่ ๔๗๔๘/๒๕๕๗ “คำาพิพากษาหรือคำาสั่งของศาลอุทธรณ์แผนกคดีผู้บริโภคย่อมเป็น
ที่สุดตาม พ.ร.บ. วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๔๙ วรรคสอง เว้นแต่จำาเลยอาจยื่นคำาร้อง
ต่อศาลฎีกาเพื่อขออนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในคดีที่มีทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาเกินสองแสนบาท
หรือในปัญหาข้อกฎหมายซึ่งเกี่ยวพันกับประโยชน์สาธารณะหรือเป็นปัญหาสำาคัญอื่นได้ตามมาตรา ๕๑ และ
มาตรา ๕๒ อีกทั้งบทบัญญัติอันว่าด้วยการฎีกาตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นบท
บัญญัติพิเศษ ที่กำาหนดให้ศาลฎีกาเท่านั้นที่มีอำานาจในการพิจารณาสั่งอนุญาตให้ฎีกาและรับฎีกา การที่ศาล
ชั้นต้นมีคำาสั่งรับฎีกาของจำาเลยจึงเป็นการไม่ชอบ
ฎีกาของจำาเลยที่ว่า จำาเลยเป็นผู้บริโภคได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวง จึงไม่ต้องนำาเงินค่า
ธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายมาวางศาล เป็นปัญหาสำาคัญที่ศาลฎีกาเห็นสมควรวินิจฉัย
จึงอนุญาตให้จำาเลยฎีกาและมีคำาสั่งรับฎีกา
การดำาเนินคดีในคดีผู้บริโภคนั้นคู่ความซึ่งเป็นผู้บริโภคย่อมได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทุกประเภท
ไม่ว่าจะเป็นค่าขึ้นศาล หรือค่าฤชาธรรมเนียมอื่นๆ ตามตารางท้าย ป.วิ.พ. แต่ทั้งนี้ไม่รวมถึงความรับผิดใน
ชั้นที่สุดสำาหรับค่าฤชาธรรมเนียมตามที่ศาลมีคำาพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๖๑ เมื่อกฎหมายมิได้ยกเว้น
ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นที่สุดและไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายยกเว้นเรื่องเงินวางศาลในการอุทธรณ์หรือฎีกา
ทำานองเดียวกับ ป.วิ.พ. มาตรา ๑๕๗ ดังนั้น เมื่อคดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำาเลยซึ่งเป็นฝ่ายผู้บริโภครับผิด
ในค่าฤชาธรรมเนียมที่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งได้เสียไป หากจำาเลยยื่นอุทธรณ์ก็ต้องนำาค่าฤชาธรรมเนียมที่ต้อง
ใช้แทนโจทก์มาวางศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๙ หรือมิฉะนั้นหากจำาเลยมีความจำานงจะขอยกเว้นค่าฤชา
ธรรมเนียมตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๑๕๖ จำาเลยต้องยื่นคำาร้องต่อศาลชั้นต้นตามหลักเกณฑ์ของกฎหมาย
ดังกล่าว
คดีนี้จำาเลยมีฐานะเป็นผู้บริโภค ในการดำาเนินคดีย่อมได้รับยกเว้นค่าฤชาธรรมเนียมทั้งปวงตาม พ.ร.บ.
วิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. ๒๕๕๑ มาตรา ๑๘ วรรคหนึ่ง ซึ่งรวมถึงค่าใช้จ่ายในการส่งคำาคู่ความและค่า
ขึ้นศาลด้วย”.
212 เล่มที่ ๓ ปีที่ ๖๕