Page 46 - ขอเสนอเชงนโยบายเพอสนบสนนฯ e-book 1_Neat
P. 46

ซึ่ื้อที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้ำงอย่ำงผิดกฎหมำย น�ำไปสู่ปัญหำประชำกรแฝงในพื้นที่ และก่อให้เกิด
                ควำมเสี่ยงของกำรแพร่ระบำดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนำ 2019 ในกลุ่มแรงงำนต่ำงด้ำวและระบำด
                ไปยังคนไทย นอกจำกนี้ ยังพบกำรลักลอบท�ำงำนโดยไม่ได้รับอนุญำตของชำวเวียดนำมและชำวจีน

                มำกขึ้น โดยเดินทำงเข้ำประเทศในฐำนะนักท่องเที่ยวและไม่กลับออกไปตำมก�ำหนด
                              2) กลุ่มผู้มีปัญหาสถีานะและสิทธิ ประกอบด้วย 1) กลุ่มที่อพยพเข้ำมำและอำศัยอยู่
                เป็นเวลำนำน ครอบคลุมเฉพำะชนกลุ่มน้อยและกลุ่มชำติพันธุ์ ที่รัฐบำลมีนโยบำยแก้ปัญหำสถำนะบุคคล
                19 กลุ่ม 2) กลุ่มเด็กและบุคคลในสถำนศึกษำและจบกำรศึกษำแล้วแต่ยังไม่มีสถำนะทำงทะเบียน

                3) กลุ่มคนไร้รำกเหง้ำ และ 4) กลุ่มผู้ท�ำคุณประโยชน์แก่ประเทศที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทย โดยกลุ่ม
                คนเหล่ำนี้ได้รับกำรผ่อนผันให้อยู่อำศัยในประเทศไทย ทั้งนี้จำกกำรส�ำรวจพบว่ำมีผู้มีปัญหำสถำนะสิทธิ
                ในประเทศไทยประมำณ 1,170,000 คน และได้รับกำรก�ำหนดสถำนะและอนุญำตให้อำศัยในประเทศไทย
                แล้ว 820,000 คน เหลือที่ต้องด�ำเนินกำรอีกประมำณ 400,000 คน อย่ำงไรก็ตำม ในห้วงที่ผ่ำนมำ

                พบว่ำมีผู้ไร้สัญชำติที่ไม่สำมำรถพิสูจน์สถำนะทำงทะเบียนได้ หรือขำดหลักฐำนทำงทะเบียนท�ำให้
                ไม่สำมำรถขอก�ำหนดสถำนะและสิทธิได้ ส่งผลให้คนเหล่ำนี้มีข้อจ�ำกัดในกำรเข้ำรับกำรศึกษำ
                กำรบริกำรสำธำรณสุขขั้นพื้นฐำน และกำรท�ำงำนในประเทศไทย โดยล่ำสุดคณะรัฐมนตรี ได้มีมติ
                เมื่อวันที่ 26 มกรำคม 2564 ก�ำหนดแนวทำงแก้ปัญหำแล้ว เหลือเพียงกำรน�ำไปปฏิบัติ

                            3) กลุ่มเปราะบางต่อความมั�นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยกลุ่มที่ส�ำคัญ
                คือ ผู้หนีภัยกำรสู้รบจำกเมียนมำที่อำศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วครำวตำมแนวชำยแดนไทย - เมียนมำ
                จ�ำนวน 9 แห่ง ใน 4 จังหวัด ได้แก่ ตำก แม่ฮ่องสอน กำญจนบุรี และรำชบุรี ซึ่ึ่งเดินทำงเข้ำเมือง
                โดยไม่มีเอกสำรประจ�ำตัวใด ๆ จึงถือว่ำเป็นผู้หลบหนีเข้ำเมืองตำมกฎหมำยของไทย และไม่อนุญำต

                ให้เดินทำงออกนอกพื้นที่พักพิง อย่ำงไรก็ตำมพบว่ำมีผู้หนีภัยกำรสู้รบจำกเมียนมำหลบหนีออกจำก
                พื้นที่พักพิงเพื่อลักลอบท�ำงำนในพื้นที่ใกล้เคียงหรือในพื้นที่ชั้นในของจังหวัด หรือลักลอบตั้งถิ่นฐำน
                ภำยนอกพื้นที่พักพิง ซึ่ึ่งหลำยแห่งตั้งลึกเข้ำมำในเขตประเทศไทย และใช้เป็นที่พักเพื่อลักลอบเข้ำสู่
                พื้นที่ตอนในของประเทศ อนึ่ง ก่อนกำรมีรัฐประหำรในเมียนมำ ไทยและเมียนมำ มีกำรร่วมมือกันใน

                กำรส่งกลับผู้หนีภัยกำรสู้รบไปตั้งถิ่นฐำนในเมียนมำ โดยสมัครใจแล้ว กว่ำ 2,000 คน แต่ต่อมำเมื่อมี
                กำรเปลี่ยนแปลงกำรเมืองในเมียนมำท�ำให้กำรส่งกลับดังกล่ำวถูกชะลอไป
                                จำกกำรเปลี่ยนแปลงทำงกำรเมืองในเมียนมำ เมื่อวันที่ 1 กุมภำพันธ์ 2564
                ส่งผลให้มีกำรชุมนุมประท้วงของประชำชนในเมืองใหญ่ของเมียนมำและเกิดกำรสู้รบระหว่ำงกองก�ำลัง

                กลุ่มชำติพันธุ์ โดยเฉพำะกำรสู้รบระหว่ำงกองก�ำลังชนกลุ่มน้อย KNU กับกองทัพเมียนมำ น�ำไปสู่
                กำรอพยพของประชำกรเข้ำมำตำมแนวชำยแดนไทย - เมียนมำ เพื่อแสวงหำควำมปลอดภัย โดยมี
                ผู้หนีภัยควำมไม่สงบในเมียนมำที่เดินทำงเข้ำมำในประเทศไทยบริเวณ อ. สบเมย และ อ. แม่สะเรียง
                จ. แม่ฮ่องสอน เป็นกำรชั่วครำว และเมื่อสถำนกำรณ์กำรสู้รบในฝั�งเมียนมำสงบลงก็จะเดินทำงกลับ

                ทั้งนี้ ทำงกำรไทยได้ให้กำรดูแลตำมหลักมนุษยธรรม และป้องกันมิให้ผู้หนีภัยควำมไม่สงบในเมียนมำ
                ถือโอกำสลักลอบเดินทำงเข้ำมำในพื้นที่ชั้นใน








           44     ข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติิิ (พ.ศ. 2566 - 2570)
   41   42   43   44   45   46   47   48   49   50   51