Page 212 - Publicationa15
P. 212
204 วราภรณ์ มีเปรมปรีด์
ซึ่งเป็นไปตามทฤษฎีการแบ่งแยกอ�านาจ (Separation of Power) โดยก�าหนด
ให้ประเทศเป็นการปกครองระบบรัฐสภา (Parliamentary System) ใช้ระบบ
สภาเดียว คือ สภาผู้แทนราษฎร เนื่องด้วยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม
3
พุทธศักราช 2475 ได้ใช้มานานเหตุการณ์บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงไปเป็นอันมาก
ประกอบกับประเทศไทยต้องการสมัครเป็นภาคีองค์การสหประชาชาติ เพื่อ
ต้องการแสดงให้ชาวโลกเห็นว่า ประเทศไทยมีการปกครองในระบอบ
ประชาธิปไตยเต็มรูป จึงสมควรปรับปรุงแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เหมาะสมกับ
สภาวการณ์บ้านเมืองรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2489
จึงมีการบัญญัติหลักการที่ส�าคัญโดยให้มีการปกครองในระบบรัฐสภา โดยใช้
ระบบสองสภา ประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎรและพฤฒสภา 4
จากที่กล่าวมาจะเห็นได้ว่า หากการใช้อ�านาจอธิปไตยในการบริหาร
บ้านเมืองของประชาชนนั้นเป็นการใช้อ�านาจของแต่ละปัจเจกชน ย่อมท�าให้
การบริหารบ้านเมืองด�าเนินการไปอย่างล�าบาก เนื่องจากสภาพความคิดเห็น
ตลอดจนพื้นฐานของแต่ละบุคคลนั้นมีความหลากหลายแตกต่างกันออกไป
จึงจ�าเป็นที่จะต้องก�าหนดให้มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรท�าหน้าที่เป็นผู้แทน
ของประชาชนทั้งประเทศ ด้วยเหตุนี้ การปกครองของประเทศไทยจึงเป็นการ
ปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบผู้แทน (Representative Democracy)
มาจนถึงทุกวันนี้ ประกอบกับการมีวุฒิสภา (ชื่อเดิม คือ พฤฒสภา) ซึ่งถือ
ก�าเนิดครั้งแรกในประเทศไทยโดยรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2489 โดยมีมูลเหตุมาจากการที่ประชาชนยังมีความรู้ความเข้าใจ
ในเรื่องการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยน้อย แม้จะเปิดโอกาส
ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกันขึ้นมาก็หาได้มีหลักประกันที่ดีพอ
ที่จะไว้วางใจว่าผู้แทนเหล่านี้เล่า จะมีคุณภาพที่ดีพอมีความรู้ความเข้าใจเรื่อง
การเมืองการปกครองได้ดีพอ ด้วยเหตุนี้จึงจ�าเป็นต้องมีวุฒิสภาขึ้นเพื่อช่วย
3 บุญศรี มีวงศ์อุโฆษ, กฎหมายรัฐธรรมนูญ, พิมพ์ครั้งที่ 3 (กรุงเทพมหานคร: โครงการต�าราและเอกสาร
ประกอบการสอนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2552), น. 236–237.
4 สมคิด เลิศไพฑูรย์, กฎหมายรัฐธรรมนูญ: หลักการใหม่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
พุทธศักราช 2540, พิมพ์ครั้งที่ 1 (กรุงเทพมหานคร: ส�านักพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, 2548, น. 5.
_17-0315(203-223)10.indd 204 4/27/60 BE 11:57 AM