Page 290 - Publicationa15
P. 290
282 สมผล ตระกูลรุ่ง
ทัศนะของท่านว่า
“ส�าหรับผม มีความเห็นไม่เหมือนกับพวกท่าน ผมเห็นว่าเราเป็นพระ
เป็นสมณะ เป็นผู้สงบระงับเราต้องเป็นผู้มักน้อย สันโดษ เวลาเช้าเราอุ้มบาตร
ออกไปเที่ยวบิณฑบาตรรับอาหารจากชาวบ้านมาเลี้ยงชีวิต เพื่อยังอัตภาพนี้
ให้เป็นไป ชาวบ้านส่วนมากเขาเป็นคนยากจน เรารับอาหารจากเขา เรามีรถยนต์
แต่เขาไม่มี นี่ลองคิดดูซิว่ามันจะเป็นอย่างไร เราอยู่ในฐานะอย่างไร เราต้องรู้จัก
ตัวเอง เราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า เมื่อพระพุทธเจ้าไม่มีรถ เราก็อย่ามีเลย
ดีกว่า ถ้ามี สักวันหนึ่งก็จะมีข่าวว่ารถวัดนั้นคว�่าที่นี่ รถวัดนี้ไปชนคนที่นี่.. อะไร
วุ่นวาย เป็นภาระยุ่งยากในการรักษา
เมื่อก่อนนี้ จะไปไหนแต่ละทีมีแต่เดินไปทั้งนั้น ไปธุดงค์สมัยก่อนไม่ได้
นั่งรถไปเหมือนทุกวันนี้ถ้าไปธุดงค์ก็ไปธุดงค์กันจริงๆ ขึ้นเขาลงห้วยมีแต่เดิน
ทั้งนั้น เดินกันจนเท้าพองทีเดียว
แต่ทุกวันนี้พระเณรเขาธุดงค์มีแต่นั่งรถกันทั้งนั้น เขาไปเที่ยว ดูบ้านนั้น
เมืองนี้กัน ผมเรียกทะลุดงไม่ใช่ธุดงค์ เพราะดงที่ไหนมีทะลุกันไปหมด นั่งรถ
ทะลุมันเลย ไม่มีรถก็ช่างเหอะ ขอแต่ให้เราประพฤติปฏิบัติดีเข้าไว้ก็แล้วกัน
เทวดาเห็นเข้าก็เลื่อมใสศรัทธาเองหรอก”
“ผมไม่รับรถยนต์ที่เขาจะเอามาถวายก็เพราะเหตุนี้ ยิ่งสบายเสียอีก
ไม่ต้องเช็ดไม่ต้องล้างให้เหนื่อย ขอให้ท่านทั้งหลายจงจ�าไว้ อย่าเห็นแก่ความ
สะดวกสบายกันนักเลย” ในที่สุด พระทั้งวัดก็เห็นพ้องกับเหตุผลของท่าน
ซึ่งเป็นเพียงความเห็นเดียวเท่านั้น เสียงส่วนใหญ่จึงไม่ใช่เสียงสวรรค์ แต่น่าจะ
เป็นเสียงจากนรกหรือไม่ คงต้องพิจารณากันเป็นเรื่องๆ ไป
นอกจากนี้ ระบอบประชาธิปไตยให้ความส�าคัญกับคนทุกคนอย่าง
เท่าเทียมกัน โดยยึดหลัก 1 คน 1 เสียงเท่ากัน โดยยึดถือศักดิ์ศรีความเป็น
มนุษย์ที่เท่าเทียมกัน
ในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ทุกคนเท่าเทียมกันหรือไม่
พระพุทธเจ้าทรงจ�าแนกบุคคลออกเป็น 3 ประเภท (ตามพระไตรปิฎก
แต่ในอรรถกถา เปรียบเป็นบัว 4 เหล่า) เมื่อพระพรหมทูลเชิญให้พระพุทธองค์
แสดงธรรมสั่งสอนสัตว์โลก ดังนี้
_17-0315(269-284)13.indd 282 4/27/60 BE 11:57 AM