Page 180 - Thai Heritage from Space_ebook
P. 180
เพื่อให้มีน�้าเพียงพอแก่ชาวเมืองในการบริโภคและ
เกษตรกรรม ประชาชนชาวเมืองอยู่ดีกินดี ท�าให้
ชาวเชียงแสนและชาวไทยลื้อสิบสองปันนาอพยพ
มาพึ่งบารมีท�าให้มีความเข้มแข็งขึ้น ได้ขยายอาณาเขต
กว้าง ทางทิศใต้จรดสุโขทัย ทิศเหนือและทิศตะวันออก
จรดเขตเมืองหลวงพระบาง และทิศตะวันตก
จรดเขตเมียนมา
พญาภูคาได้เจริญสัมพันธไมตรีกับ
กรุงสุโขทัยและได้เข้าเฝ้าพระร่วงเจ้า ท�าให้เมืองย่างและ
กรุงสุโขทัยมีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด ต่อมา
เมืองปัว พระยาภูคาได้ส่งราชบุตรบุญธรรม ๒ คน ไปสร้าง
เมืองใหม่ โดย ขุนนุ่นผู้พี่ ไปสร้างเมืองจันทบุรี
เมืองพะเยำ (เมืองพระบาง) และขุนฟองผู้น้อง สร้างเมืองวรนคร
เมืองย่ำง
หรือเมืองปัวเป็นเมืองพี่เมืองน้องตั้งอยู่ทางทิศเหนือ
ของเมืองย่างห่างกันเพียง ๑๑ กิโลเมตร
เมืองน่ำน ในช่วงเวลาภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลง
ที่ท�าให้เมืองย่างและเมืองปัวว่างเว้นจากผู้น�า พญา
ง�าเมือง เจ้าเมืองพะเยา ได้ขยายอิทธิพลเข้าครอบ
ครองเมืองปัวไว้ได้ ต่อมาเจ้าขุนใส (ผู้สืบเชื้อสายใน
ราชวงศ์พญาภูคา) รับใช้เป็นขุนนางในพญาง�าเมือง
และเป็นที่โปรดปรานของพญาง�าเมืองจึงสถาปนา
ให้เป็น เจ้าขุนใสยศ ครองเมืองปราด ภายหลัง
มีก�าลังพลมากขึ้นจึงยกทัพมาต่อสู้จนหลุดพ้นจาก
อ�านาจเมืองพะเยา และได้รับการสถาปนาเป็น
พญาผานอง ขึ้นครองเมืองปัวอย่างอิสระ และหันไป
เมืองแพร่
มีความสัมพันธ์กับกรุงสุโขทัยในสมัยพ่อขุนรามค�าแหง
ดังปรากฏชื่อเมืองปัวอยู่ในหลักศิลาจารึกสุโขทัย
หลักที่ ๑
ต่อมาในปี พ.ศ. ๑๙๐๒ พญาการเมือง
ได้อพยพผู้คนจากเมืองปัว ลงมาสร้างเมืองใหม่
ที่บริเวณพระธาตุแช่แห้ง เรียกว่า “เวียงภูเพียง
แช่แห้ง” โดยมีพระธาตุแช่แห้งเป็นศูนย์กลางเมือง
“พญาภูคา”...วีรบุรุษจังหวัดน่าน หลังจากพญาการเมืองถึงแก่พิราลัย พญาผากอง
(โอรส) ขึ้นครองแทน และทรงตระหนักได้ถึงปัญหาน�้า
ไม่พอใช้ เนื่องจากเวียงแช่แห้งอยู่บนเนินตะพักสูง
“พะเยา แพร่ น่าน” เป็นเมืองตั้งอยู่ในต�าแหน่งเป็นลักษณะ “เมืองสามเส้า” เกี่ยวดองกัน และล�าน�้าลิงซึ่งเป็นแหล่งน�้าส�าคัญนั้นมีขนาดเล็ก
ทางประวัติศาสตร์ โดยแต่ละเมืองสร้างในที่ราบหุบเขาของแต่ละลุ่มน�้าแยกออกจากกันด้วยสันปันน�้า น�้าแห้งขอดในฤดูแล้งไม่พอกับพลเมืองที่เพิ่มขึ้น
ห่างจากกันประมาณ ๘๐ - ๑๐๐ กิโลเมตร มีการคมนาคมเชื่อมต่อถึงกันด้วยเส้นทางผ่านช่องเขาในปัจจุบัน จึงย้ายเมืองมาสร้างใหม่ที่ริมแม่น�้าน่านด้านตะวันตก
สร้างเป็นถนนทางหลวงแผ่นดิน เมืองพะเยา ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่กว๊านพะเยาในลุ่มน�้าอิง บริเวณบ้านห้วยไคร้ (ซึ่งเป็นบริเวณที่ตั้งของจังหวัดน่าน
ระบายน�้าออกสู่แม่น�้าโขง เมืองแพร่ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ในบริเวณตอนกลางของลุ่มน�้ายม จากนั้นระบายน�้าผ่าน ในปัจจุบัน) เรียกว่า “เวียงน่าน” และเมื่อมีการอพยพหนี
เมืองศรีสัชนาลัยและสุโขทัยออกสู่ที่ราบเจ้าพระยา ในขณะที่เมืองน่านตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกในที่ราบ น�้าท่วมไปสร้างเมืองใหม่เรียกว่า “เวียงเหนือ” จึงมีชื่อ
หุบเขาลุ่มแม่น�้าน่านตอนบน ระบายน�้าลงสู่ที่ราบเจ้าพระยาที่จังหวัดอุตรดิตถ์ผ่านเมืองพิษณุโลก ปัจจุบัน เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เวียงใต้”
แม่น�้าน่านถูกปิดกั้นด้วยเขื่อนสิริกิติ์ที่มีอ่างเก็บน�้าคลุมพื้นที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ และด้านตะวันตกส่วน ในปี พ.ศ. ๑๙๙๓ พระเจ้าติโลกราชเจ้านคร
ตอนบนสุดของลุ่มน�้ายมมีโครงการสร้าง “เขื่อนแก่งเสือเต้น” ซึ่งยังเป็นข้อวิภาษหาแนวทางสรุปไม่ได้ในปัจจุบัน เชียงใหม่ เข้าครอบครองเวียงน่านและแหล่งเกลือ
และท�าให้เวียงน่านถูกผนวกเข้าไว้ในอาณาจักรล้านนา
พญาภูคานักปกครองผู้ยิ่งใหญ่ตามต�านานเป็นผู้สร้างเมืองย่าง (เชื่อกันว่าคือบริเวณริมฝั่งด้านใต้ ในครั้งนั้น
ของแม่น�้าย่าง ใกล้เทือกเขาดอยภูคาในเขตบ้านเสี้ยว ต�าบลยม อ�าเภอท่าวังผา) ตามต�านานท้องถิ่นเมืองน่าน
กล่าวถึงพญาภูคาทรงฟื้นฟูเมืองย่างซึ่งแต่เดิมเป็นเมืองร้างให้เจริญรุ่งเรือง ขุดสระเก็บน�้า และท�าเหมืองฝาย
166 166 l