Page 10 - สมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศ
P. 10
ประวัติศาสตร์ ม. ๓ หน่วยการเรียนที่ ๓ ประวัติศาสตร์ไทยสมัยปรับปรุงและปฏิรูปประเทศ ๙
การปรับปรุงกฎหมายและการศาล
โปรดฯ ให้รวบรวมศาลที่สังกัดกระทรวงและไม่สังกัดทั้งหมด มาขึ้นกับกระทรวงยุติธรรมนับว่าเป็นการแยก
อ านาจ ตุลาการ ออกจาก ฝุายบริหารได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย
สิ่งที่ปรับปรุงแก้ไขทางด้านการศาลมีดังนี้
๑. ศาลในกรุง
โปรดฯ ให้ตั้ง ศาลโปริสภา ส าหรับท าหน้าที่เปรียบเทียบคดีความวิวาทของราษฎรที่เกิดขึ้นในท้องที่ และเป็นคดีที่มี
โทษขนาดเบา ต่อมา ศาลโปริสภา ได้เปลี่ยนเป็น ศาลแขวง เมื่อ ๑ ตุลาคม ๒๔๗๘
๒. ศาลหัวเมือง
โปรดฯ ให้จัดตั้งกองข้าหลวงพิเศษ ขึ้นคณะหนึ่งมีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (พระองค์เจ้า
รพีพัฒนศักดิ์) เป็นประธาน จัดการแก้ไขธรรมเนียมศาลยุติธรรมทั่วพระราชอาณาจักร ให้เป็นแบบเดียวกันทั้งหมด
๒.๑ จัดตั้งศาลยุตธรรมส าหรับพิจารณาคดีขึ้นตามหัวเมืองทั้งปวงเสียใหม่
๒.๒ ช าระสะสางคดีความที่ค้างอยู่ในศาลตามหัวเมืองต่าง ๆ ให้หมดสิ้นไป
๓. จัดแบ่งชั้นของศาล
เพื่อให้ระเบียบการศาลยุติธรรมมีความเป็นระเบียบเรียบร้อบเป็นหลักฐานมั่งคง ยิ่งขึ้น ก็โปรดฯให้ตราพระธรรมนูญ
ศาลยุติธรรม ขึ้นเมื่อ ๑ มิถุนายน ๒๔๕๑ โดยแบ่งศาลออกเป็น ๓ แผนก คือ
๓.๑ ศาลฎีกา
๓.๒ ศาลสถิตยุติธรรมกรุงเทพฯ
๓.๓ ศาลหัวเมือง
สิ่งที่ปรับปรุงแก้ไขทางด้านกฎหมายมีดังนี้
๑. ได้จ้างชาวต่างประเทศที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมาย
๒. ได้โปรดฯให้ตั้ง กองร่างกฎหมาย ส าหรับท าหน้าที่ตรวจสอบช าระบรรดาพระราชก าหนดกฎหมาย
ต่าง ๆ เพื่อให้ได้ ตัวบทกฎหมายที่ทันสมัยตามแบบอารยประเทศ โดยมีกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์เป็นประธาน
๓. ตั้งโรงเรียนสอนวิชากฎหมายขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๐ โดยมีกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เสนาบดี
กระทรวง ยุติธรรมเป็นผู้อ านวยการ ด้วยเหตุนี้ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ จึงได้รับการว่าเป็น พระบิดาแห่ง
กฎหมายและการศาลไทย
๔. ยกเลิกการลงโทษแบบจารีตนครบาล จากผลการปฏิรูปการศาลและการช าระกฎหมายให้ทันสมัย ท าให้ การ
พิจารณาคดีแบบจารีตและวิธีลงโทษแบบปุาเถื่อนทารุณต่าง ๆ ได้ถูกยกเลิกไปโดยสิ้นเชิง
การทหาร
ครูผู้สอน คุณครูจิราพร พิมพ์วิชัย