Page 141 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 141
ประวัติศาสตร์จานเดียว
แผ่นดินหรือเข้าไปติดต่อราชการในเขตพระราชฐานนั้น ปีหนึ่งๆ จะทำากันสัก
กี่หนเชียว จึงไม่เห็นจะเป็นเรื่องเดือดร้อนอันใด ทิฐิและความทะนงตนจึงน่า
จะเป็นเหตุผลสำาคัญ ที่ฝรั่งบ่นว่าเป็นธรรมเนียมที่ล้าหลังและไม่ให้เกียรติ ก็
ไม่ทราบว่ามันไม่ให้เกียรติตรงไหน ถ้าบังคับให้คนพม่าสวมรองเท้ายามที่ไป
เข้าเฝ้าควีนของเขา แบบนี้จะเรียกว่าไม่ให้เกียรติบ้างได้ไหม บ้านใครก็บ้าน
มัน การปฏิบัติตามธรรมเนียมของเจ้าบ้านจึงน่าจะเหมาะสมที่สุด
ที่ว่ามายืดยาวนี้เพราะเห็นว่าเรื่องเล็กๆ อย่างการถอดรองเท้านี่
กลายเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งของขบวนการปฏิวัติอังกฤษเลยทีเดียว
สมัยที่อาณาจักรพม่ายังเป็นมหาอำานาจนั้น เรื่องการถอดรองเท้านี่
เป็นข้อห้ามที่ไม่มีการผ่อนปรน จะเริ่มมีการผ่อนปรนบ้างเอาในยุคหลัง ถึง
อย่างนั้นเวลาเข้าในเขตพระราชฐานก็ยังต้องถอดอยู่ดี เพียงแต่ราชสำานักก็
อุตส่าห์ปูพรมไว้ให้ฝรั่งเดิน จะได้ไม่บ่นว่าร้อนหรือไม่สะอาดอีก อย่างในสมัย
พระเจ้ามินดงที่ถือว่ามีการปฏิรูปประเทศมากพอสมควร แต่ฝรั่งก็ยังแอบ
บ่นอีกอยู่ดีว่าป่าเถื่อนเหลือเกิน พระเจ้าแผ่นดินพม่าเองก็เคยตัดรำาคาญ
ด้วยการตัดสัมพันธ์กับฝรั่งอยู่หลายครั้ง ฝรั่งก็ทำาเป็นงอนไปอย่างนั้นเพราะ
อย่างไรเสียถ้าอยากจะทำาการค้าในพม่าก็ต้องขอพระบรมราชานุญาตอยู่
ดี ไปๆ มาๆ พม่าก็ยอมฟื้นสัมพันธ์ ฝรั่งก็ยอมถอดรองเท้าเฝ้า เป็นอย่างนี้
หลายคราว
จนเมื่ออังกฤษยึดพม่าได้เต็มๆ ก็สวมรองเท้าเข้าวังด้วยความร่าเริง
อย่างตอนที่เข้าเฝ้าพระเจ้าธีบอในช่วงสงครามแตกหัก นายพลอังกฤษก็สวม
รองเท้าสะพายดาบเต็มยศเข้าเฝ้าหน้าตาเฉย คนชนะทำาอะไรก็ไม่ผิด และยัง
เป็นการหยามพระเกียรติเสียอีกด้วย
เรื่องถอดรองเท้าเข้าวัดจึงเกี่ยวโยงกับเรื่องศาสนาซึ่งย่อมมีพระสงฆ์
เข้ามาเกี่ยวข้อง พุทธศาสนาเริ่มไม่เป็นระเบียบตามที่เล่าไว้ตอนต้น หลัง
เข้ายึดครองพม่าได้ยี่สิบปีเศษ พระสงฆ์พม่ากับประชาชนบางส่วนเริ่มคิดว่า
๑๓๓