Page 167 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 167
ประวัติศาสตร์จานเดียว
หรือเป็นไปได้ว่าเขาเตรียมพร้อมที่จะเข้ายึดอำานาจมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่
สงวนท่าทีและรอช่วงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น หลังการบริหารประเทศของ
นายกรัฐมนตรีอูนุในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ล้มเหลวไม่เป็นท่า กองทัพจึงเข้าทำาการ
ยึดอำานาจ จัดตั้ง สภาปฏิวัติ เข้าบริหารประเทศในวันที่ ๒ มีนาคม พ.ศ.
๒๕๐๕
รัฐบาลทหารของเนวินประกาศนโยบายนำาพม่าสู่การเป็นสังคมนิยม
ภายใต้การนำาของสภาปฏิวัติที่ต่อมาแปรสภาพเป็นพรรคการเมืองคือ พรรค
โครงการสังคมนิยมพม่า (Burma Socialist Program Party : BSPP) ที่กลาย
เป็นพรรคการเมืองเดียวที่คงอยู่ ซึ่งหมายถึงว่าพม่าเข้าสู่ระบบการปกครอง
รัฐสภาที่มีพรรคการเมืองเดียว หรือจะว่าก็คือเผด็จการทหารดีๆ นั่นเอง
เมื่อรัฐบาลพลเรือนไม่อาจสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้นในประเทศ
ได้ กองทัพจึงถือเป็นหน้าที่สำาคัญที่ต้องเข้ามาควบคุม ถึงตรงนี้ทุกกิจการ
ภายในประเทศถูกกำากับดูแลโดยกองทัพทั้งสิ้น ปัญหาจึงมีอยู่ว่ากองทัพมี
ความสามารถเพียงพอหรือไม่ในการจัดการบริหารประเทศที่มีโครงสร้างไม่
เหมือนการปกครองแบบทหาร
แต่กองทัพหรือ BSPP พิสูจน์ให้เห็นด้วยการรวบอำานาจทุกอย่างไว้
เพียงผู้เดียว การแก้ปัญหาที่ยืดเยื้อสามารถทำาได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ขยับ
ปืนในมือ
สิ่งที่เลวร้ายที่สุดหลังการปฏิวัติคือระบบเศรษฐกิจที่เกือบจะล่ม
สลาย ด้วยแนวคิดแบบสังคมนิยมที่ต้องการให้เกิดความเท่าเทียมกัน
ระหว่างเมืองใหญ่กับชนบท แต่ BSPP เลือกดำาเนินนโยบายแบบกลับ
ตาลปัตรคือแทนที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจในชนบทเจริญก้าวหน้าให้ทัดเทียม
เมืองใหญ่ กลับลดความเติบโตทางเศรษฐกิจของเมืองใหญ่ให้หดเล็กลง
เทียบเท่าชนบท กิจการของเอกชนทั้งที่เป็นของคนพม่าหรือชาวต่างชาติก็
ยึดมาดำาเนินการเองเสีย ควบคุมดูแลการส่งสินค้าออกและนำาเข้า อัตราการ
๑๕๙