Page 170 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 170
ประวัติศาสตร์จานเดียว
กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้จึงยังมีความรู้สึกเป็นชาติอยู่เล็กๆ ในช่วงที่
อังกฤษเข้าปกครอง ซึ่งต่างจากยุคที่พม่าปกครอง เมื่อพม่าเป็นเอกราช พวก
เขาจึงมีความหวังที่จะเป็นเอกราชบ้าง แต่รัฐบาลพม่ากลับปิดความหวังนั้น
เสีย สิ่งที่พม่าต้องการจากพวกเขาไม่ใช่ประชากร แต่เป็นทรัพยากรจำานวน
มากที่อยู่ในเขตแดนเหล่านั้นต่างหาก เมื่อเจรจาขอกันดีๆ ไม่เป็นผล ก็จึง
ต้องใช้วิธีการแรงๆ กันบ้าง และเมื่อเกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศ ใครล่ะที่
จะเหมาะสมที่สุดที่จะเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์ ถ้าไม่ใช่คนที่มีปืนอยู่ในมือ
ช่วงที่พม่าเจรจาเรื่องเอกราชกับอังกฤษ อองซาน ทำาสัญญากับ
เจ้าฟ้าไทยใหญ่และคะฉิ่นไว้ว่าให้เข้าร่วมเป็นสหภาพพม่าเพื่อความสงบ
เรียบร้อย (สนธิสัญญาปางหลวง) แล้วหลังจากนั้นจะเปิดโอกาสให้ตัดสินใจ
เลือกว่าจะอยู่ด้วยกันต่อหรือจะแยกประเทศ (แต่การตกลงกันในครั้งนั้นไม่มี
พวกมอญ กะเหรี่ยง หรือชนกลุ่มน้อยอื่นๆ ร่วมด้วย) จากนั้นอองซานจึงเดิน
หน้าเจรจากับอังกฤษอย่างเต็มที่ ดังนั้นภาระหน้าที่ทางการทหารจึงตกเป็น
ของเนวิน จนกระทั่งเมื่ออองซานถูกลอบสังหาร
สิ้นสงครามโลก ครั้งที่ ๒ เมื่อการเจรจาขอเป็นเอกราชล้มเหลว
กะเหรี่ยง เป็นกลุ่มแรกๆ ที่จับอาวุธขึ้นสู้กับพม่าอย่าเป็นทางการ พรรค
คอมมิวนิสต์ที่มีความขัดแย้งกับรัฐบาลก็บ่ายหน้าเข้าสู่ป่า คราวนี้จึงเกิดการ
ต่อต้านรัฐบาลด้วยความรุนแรงจากกลุ่มโน้นบ้างกลุ่มนี้บ้าง มากมายจน
รัฐบาลพลเรือนไม่อาจจัดการได้ด้วยตนเอง
แม้ว่าหลายภาคส่วนของพม่าจะมีความแตกแยกกัน แต่เรื่องแบบนี้
จะไม่เกิดกับกองทัพเด็ดขาด ซึ่งก็นับเป็นเรื่องน่าแปลก
ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลพลเรือนหรือแวดวงการเมือง
มากสักเพียงใด แต่กองทัพยังคงให้ความจงรักภักดีต่อเนวินไม่เคยเปลี่ยน
กองทัพพม่าก่อตั้งโดยนายพลอองซาน แต่การดูแลโดยส่วนใหญ่เป็นของเน
วิน เนื่องจากอองซานมุ่งเป้าทำาหน้าที่ทางการเมืองและการเจรจากับอังกฤษ
๑๖๒