Page 169 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 169
ประวัติศาสตร์จานเดียว
กีดกันทหารกะเหรี่ยงออกไปเพื่อเพิ่มจำานวนกำาลังพลชาวพม่าให้มากที่สุด
เพื่อสร้างความเป็นปึกแผ่นของกองทัพและเป็นการสร้างความรู้สึกชาตินิยม
ในหมู่ทหารและประชาชน กองกำาลังชาวกะเหรี่ยงเมื่อถูกกันออกจาก
กองทัพพม่าจึงหันไปร่วมกับกลุ่มชาติพันธุ์ของตนที่นำาโดย นายพลโบเมี๊ยะ
ย้อนกลับมาเป็นหอกข้างแคร่ของกองทัพพม่าในเวลาต่อมา กองทัพพม่า
เริ่มเข้ามามีบทบาทสำาคัญในช่วงปลายสงครามโลก ครั้งที่ ๒ เมื่อทหารญี่ปุ่น
ถูกโจมตีอย่างหนักและเริ่มพ่ายแพ้ในหลายสมรภูมิ กองทัพพม่าที่เคยยอม
ญี่ปุ่นก็พลิกกลับมาเป็นฝ่ายรุก โจมตีกองทัพญี่ปุ่นอย่างหนักโดยอ้างว่าที่
ยอมญี่ปุ่นทีแรกเพราะจำาเป็น แต่พม่ามีองค์กรใต้ดินที่ทำาการต่อต้านญี่ปุ่น
อย่างลับๆ อยู่คือ AFO : Anti Fascist Organization (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็น
AFPFL) การลุกขึ้นต่อสู้ของกองทัพพม่าในขณะนั้นจึงเสมือนเป็นตัวแทนของ
ความรักชาติ ทหารกลายเป็นวีรบุรุษของประเทศไปในทันที
อีกบทบาทหนึ่งที่ทำาให้กองทัพพม่าก้าวขึ้นมาเป็นผู้ทรงอิทธิพล
เบอร์หนึ่งของประเทศคือการจัดการกับชนกลุ่มน้อยที่มีมากเหลือเกินใน
ประเทศนี้ ย้อนกลับไปสมัยโบราณ ชนชาติต่างๆ ที่ถูกกลืนเข้ามาเป็นพม่า
อย่างเช่น มอญ ยะไข่ ไทยใหญ่ กะเหรี่ยง ก็มิได้จำายอม กระทั่งถึงคราวที่
ถูกอังกฤษปกครอง ชนชาติเหล่านี้ก็ยังถือว่าไม่ใช่เป็นพม่าแท้ อังกฤษฉวย
โอกาสเข้าจัดการด้วยหวังที่จะใช้ชนกลุ่มน้อยเหล่านี้เป็นกันชนไม่ให้ชาว
พม่าแท้ลุกฮือ จึงช่วงใช้คนกลุ่มนี้ทำาหน้าที่ในกองทัพ ตำารวจ ข้าราชการ
กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้พึงพอใจกับสิ่งที่อังกฤษหยิบยื่นให้ ประกอบกับ
อังกฤษสนับสนุนในการให้การศึกษากับพวกเขา ยิ่งทำาให้มีโอกาสในการ
เข้ารับราชการมากกว่าคนพม่าแท้ๆ เองเสียอีก กะเหรี่ยงที่มีประชากรมาก
เป็นตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด กะเหรี่ยงในยุคสมัยนั้นเป็นผู้มีการศึกษาดีและ
มีจำานวนไม่น้อยที่หันมาเข้ารีตนับถือคริสต์ จนถึงกับมีการแยกกลุ่มเป็น
กะเหรี่ยงคริสต์และกะเหรี่ยงพุทธในเวลาต่อมา
๑๖๑