Page 66 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 66
ประวัติศาสตร์จานเดียว
พระเจ้านันทบุเรงก็รบกันจนราษฎรเหนื่อยหน่าย ครั้นพอพระองค์หมด
อำานาจ เจ้าเมืองต่างๆ ก็ยังตั้งหน้าตั้งตารบกันเองเพื่อชิงอำานาจ แผ่นดิน
พม่าของพระเจ้าบุเรงนองผู้ยิ่งใหญ่กำาลังร้อนเป็นไฟจากการแย่งชิงอำานาจ
ตองอู แปร ยะไข่ อังวะ ต่างคานอำานาจกันอยู่ ถ้าหากจะแบ่งกัน
จริงๆ ก็ยังคงเหมือนแต่ก่อนแต่ไรมานั่นคือการแย่งชิงอำานาจระหว่างเชื้อ
ชาติพม่ากับมอญ แต่ใครที่อ่านประวัติศาสตร์มามากๆ จะพอเห็นว่าเริ่มมีตัว
ละครใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น นั่นคือพวกต่างชาติ ซึ่งความจริงก็เข้ามา
ตั้งแต่ในสมัยที่พม่ากับมอญครองแผ่นดินในยุคแรกโน่นแล้ว อย่างในหนังสือ
ราชาธิราชยังเขียนไว้เลยว่าพระเจ้ากรุงจีนยกทัพเข้ามาประชิดพม่าตอนบน
หรือตอนที่พระเจ้ามังฆ้องถอดถอนใจเมื่อเห็นปืนไฟของพวกฝรั่งว่า จากนี้
เราคงมิได้เห็นขุนศึกรำาทวนให้ดูเป็นที่เพลินตาอีกแล้ว
เอาเข้าจริงพวกต่างชาตินั้นก็แหยมเข้ามาตั้งแต่ยุคพุกามโน่นแล้ว
ก็คือจีน แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเข้าก็เพิ่มฝรั่งเข้ามาอีก โดยเฉพาะพวก
โปรตุเกสที่เข้ามาทางใต้ผ่านมหาสมุทรอินเดียเข้ามา ถึงขนาดมามีอิทธพล
เหนือกษัตริย์แห่งกรุงลังกานั่นแล้วด้วย ฝรั่งพวกนี้เข้ามารับจ้างรบให้กับฝ่าย
ไหนก็ตามที่มีเงินจ้างให้ ส่วนหนึ่งก็เข้ามาเผยแผ่ศาสนา เข้ามาค้าขาย แต่ไม่
ว่าจะส่วนไหนก็มองแผ่นดินพม่าเป็นที่ตักตวงผลประโยชน์ทั้งสิ้น
ฝรั่งที่ถูกพูดถึงในประวัติศาสตร์พม่ามากที่สุดคนหนึ่งเห็นจะไม่พ้น
นายเดอ บริโต เป็นชาวโปรตุเกส ในพงศาวดารพม่าเล่าว่านายคนนี้ก็ไม่ใช่ยิ่ง
ใหญ่มาจากไหน ก็น่าจะเป็นพวกนักแสวงโชคที่หวังมาแจ็คพ็อตในพม่า แล้ว
ก็แจ็คพ็อตจริงๆ จับพลัดจับผลูได้เป็นถึงเจ้าเมืองสิเรียม คงจะเชลียร์เจ้านาย
พม่าไปมากโขอยู่ นายเดอ บริโต คนนี้ไม่ได้หยุดที่แค่เมืองสิเรียม แต่วางแผน
จะครองพื้นที่ปากแม่น้ำาหวังร่ำารวยจากการเก็บภาษีเดินเรือและค้าขาย
นายคนนี้ทำาสำาเร็จเสียด้วย เขาสามารถกุมอำานาจของพม่าตอนใต้
เอาไว้ได้หมด ลำาพังฝรั่งคนเดียวมีหรือจะทำาได้ หากไม่ได้รับการหนุนหลัง
๕๘