Page 62 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 62

ประวัติศาสตร์จานเดียว




           ศรีอยุธยา  แม้ว่ากองทัพของพระองค์จะเข้มแข็งสักปานใด  แต่ขณะนั้นพระ
           นเรศวร์ของไทยก็ฟอร์มสดไม่แพ้กัน  และออกจะเหนือกว่านิดๆ  ด้วยอ่อน
           พระชันษากว่า  หรือจะเปรียบกับราชบุตรเมงกะยอชวาแล้วก็เหมือนกระดูก

           คนละเบอร์ การบุกกรุงศรีอยุธยาครั้งแรกนับจากที่ว่างเว้นมาถึง ๑๓ ปี ก็จบ
           ลงด้วยความพ่ายแพ้ของทัพพม่า  แต่พระเจ้านันทบุเรงก็ยังพอมีข้ออ้างว่า
           เพราะทัพพระองค์ยกมาน้อยแล้วก็เข้าฤดูฝนพอดี

                  พระเจ้านันทบุเรงมิได้ย่อพระทัยในการคิดเอาชนะกรุงศรีอยุธยา
           อาจเพราะทรงคิดว่าจะต้องเสียพระเกียรติไม่น้อยที่ถูกคนไทยหยามหน้า
           เอา ในปี พ.ศ. ๒๑๒๘ และ ๒๑๒๙ สองขวบปีติดต่อกันที่พม่ายกทัพมาหวัง
           จะปราบอยุธยา  แต่ก็แพ้กลับไปทั้งสองครั้ง  พม่าเริ่มแพ้ติดๆ  กัน  หลังจาก
           ที่ครองเบอร์หนึ่งมานานตั้งแต่สมัยพระเจ้าตะเบงชเวตี้  ส่วนไทยนั้นฟอร์ม

           กำาลังดีวันดีขึ้นทีเดียว
                  ระหว่างนี้เกิดความไม่สงบเล็กน้อยในราชสำานักพม่า   เจ้าเมืองใน
           อาณัติต่างสิ้นบุญตามๆ กัน พระเจ้านันทบุเรงโปรดเกล้าฯ ให้พระญาติสนิท

           ไปกินเมืองทำาหน้าที่ปกครองต่างพระเนตรพระกรรณ  ทั้งยังเป็นการป้องกัน
           มิให้เมืองเหล่านั้นแข็งเมืองขึ้นมาได้  แต่ในอีกทางหนึ่งพระองค์ก็ใช่ว่าจะวาง
           พระทัยกับความภักดีของเจ้านายที่ส่งไปกินเมืองเหมือนกัน
                  ศึกกับกรุงศรีอยุธยายังไม่จบ   พระเจ้านันทบุเรงไม่ยอมแม้จะพัก
           การศึกเพื่อบำารุงขวัญราษฎร ปี พ.ศ. ๒๑๓๓ ทรงแต่งทัพมาตีอยุธยาอีกครั้ง

           บรรดาขุนศึกสมัยพระเจ้าตะเบงชเวตี้หรือพระเจ้าบุเรงนองล้วนชรา บ้างก็ล้ม
           ตายไปหมด  เสนาธิการผู้มีปัญญาก็เช่นกัน  เหล่าทหารก็ไม่มีแก่ใจที่จะทำาศึก
           เพราะรบกันมาไม่ได้หยุดหย่อน ศึกครั้งที่สี่ก็แพ้ไทยอีกจนได้

                  ราษฎรพม่าและมอญต่างทนไม่ไหวกับการทำาศึกไม่เว้นวาง   ชาย
           หนุ่มจำานวนมากหนีไปบวช แต่พระองค์ก็สั่งให้สึกออกมาเป็นทหาร ความไม่
           พอใจเริ่มมีมากขึ้น เหล่าเสนาบดีก็เริ่มก่อหวอดขึ้นนิดๆ บ้างแล้ว



           ๕๔
   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66   67