Page 61 - ประวัติศาสตร์จานเดียวพม่า
P. 61
ประวัติศาสตร์จานเดียว
เบื้องหลัง แต่แท้จริงจะเป็นอย่างไรนั้นสุดที่ใครจะรู้ได้
เมื่อพม่าเกิดการผลัดแผ่นดินขึ้นก็เริ่มมีเจ้าเมืองบางแห่งที่คิดลองดี
เจ้ากรุงอังวะซึ่งมีศักดิ์เป็นพระปิตุลา (ลุง) ของพระองค์ พยายามจะประกาศ
ตนเป็นเอกราช ส่งสาส์นไปขอให้เจ้าเมืองตองอู เมืองแปรและเมืองเชียงใหม่
ให้มาร่วมมือกัน แต่ทั้งสามเมืองไม่ขอเล่นด้วย แถมยังนำาความไปฟ้อง
พระเจ้านันทบุเรง พระองค์จึงสด็จไปปราบและถือโอกาสเชือดไก่เพื่อไม่ให้
เมืองอื่นทำาตาม ด้วยการนำาเอาตัวผู้สมคบคิดและครอบครัวมาเผาทั้งเป็น
เป็นการประกาศพระอาญาสิทธิ์ของพระองค์ว่าไม่ว่าใครหน้าไหนก็ห้ามแข็ง
ข้อ
แต่พระนเรศวร์ของไทยเราไม่เกรงกลัว เมื่อสิ้นบุญพระเจ้าบุเรงนอง
แล้วพระองค์ก็ถูกจับตามองอย่างหนักจากฝั่งพม่า เพราะพม่านั้นทราบดีว่า
พระองค์นั้นทรงเก่งกล้าอาจหาญมากเพียงใด พระเจ้าบุเรงนองนั้นทรงรัก
และเอ็นดูเจ้าชายจากอยุธยาผู้นี้มาก แต่เมื่อพระเจ้านันทบุเรงขึ้นมาครอง
บัลลังก์ก็ไม่ทรงโปรดเจ้าฟ้าผู้นี้ ขณะที่ทรงทำาศึกที่อังวะนั้นพระองค์ก็ไม่ได้ไว้
วางพระทัยฝ่ายไทยเลย ทรงมีรับสั่งให้พระนเรศวร์ยกทัพตามมาสนองงาน
สงครามที่กรุงอังวะ แต่แท้จริงนั้นมีแผนที่จะลอบปลงพระชนม์ ปรากฎว่า
แผนการรู้ไปถึงพระนเรศวร์ พระองค์จึงถือเป็นเหตุที่จะขาดไมตรีกับทางหง
สาวดี และประกาศให้ไทยเป็นเอกราชจากพม่านับแต่บัดนั้น
ในการนี้บางตำาราอ้างว่าพระเจ้านันทบุเรงเป็นผู้คิดการณ์ แต่บาง
ตำาราก็ว่าเป็นกลอุบายของพระราชโอรส เมงกะยอชวา (ไทยเราเรียก มังสา
มเกียด) ไม่รู้ล่ะว่าตำาราไหนจะถูกหรือผิด สุดท้ายพระนเรศวร์ก็ทรงประกาศ
เอกราช ในขณะที่ยังเป็นวังหน้า
จะว่าไปหลังจากหมดสิ้นเสี้ยนหนามในช่วงต้นรัชกาลแล้ว พม่าใน
ยุคของพระเจ้านันทบุเรงก็วุ่นอยู่แต่การรบกับไทย หลังจากที่ทราบข่าวว่า
พระนเรศวร์ประกาศอิสรภาพแล้วก็ทรงพิโรธมาก สั่งระดมรี้พลเข้าบุกกรุง
๕๓