Page 29 - วารสารสุขภาพ สำนักอนามัย ปีที่ 6 ฉบับที่ 3
P. 29
ค�าถามนี้... มีค�าตอบ
Q ต้นเหตุของฟันสึกคืออะไร และมีวิธีป้องกันฟันสึกอย่างไรบ้าง พญ.กฤชยา มาลา
นายแพทย์ช�านาญการ
A สาเหตุของฟันสึก ศูนย์บริการสาธารณสุข ๕๙ ทุ่งครุ
ส�านักอนามัย กรุงเทพมหานคร
1. ใช้ฟันกัดสิ่งของและหรือกัดอาหารที่แข็ง หรือคนที่ชอบ
นอนกัดฟันแบบรุนแรงเป็นประจ�า 2. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือยาบางชนิด
3. ลดน�้าหนัก
2. รับประทานอาหารหรือขนมที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือรสเปรี้ยว
น�้าอัดลม 4. ออกก�าลังกายสม�่าเสมอ
5. ถ้ามีอาการมากหรือแก้ไขแล้วไม่ทุเลา ควรไปพบแพทย์
3. การแปรงฟันที่ไม่ถูกวิธี ควรฝึกแปรงฟันขึ้นลงอย่างถูกวิธี
การสึกของฟันต�าแหน่งที่พบบ่อย ได้แก่ เพื่อหาสาเหตุและรักษาต่อไป
1. ด้านบดเคี้ยวมักพบบริเวณฟันกราม Q โปรตีนจากนมเป็นโปรตีนที่ย่อยและดูดซึมง่าย แต่ท�าไมบางคน
2. ด้านแก้มมักพบบริเวณคอฟัน รับประทานแล้วมีอาการไม่สบายท้อง/ท้องเสีย
โดยการสึกของฟันจะเริ่มบริเวณผิวเคลือบฟัน ถ้าเริ่มสึกถึง
A ส�าหรับเหตุผลที่ดื่มนมแล้วมีอาการท้องเสียนั้นเป็นเพราะในร่างกาย
ชั้นของเนื้อฟันจะเริ่มมีอาการเสียวฟัน ถ้าสึกลึกถึงโพรงประสาทฟัน
จะมีอาการปวดฟัน คนไทย จะผลิตน�้าย่อยแลคโตส ซึ่งเป็นกลุ่มน�้าตาลที่พบในน�้านมสัตว์
วิธีป้องกัน ทุกชนิดได้ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 4-5 ปี เท่านั้น ดังนั้นเมื่อผ่านพ้น
พยามหลีกเลี่ยงการขบกัดสิ่งของที่มีลักษณะแข็งเพื่อลด วัยเด็กไปแล้ว น�้าย่อยตัวนี้ จะลดน้อยลงจนหมดไป จึงไม่สามารถ
การสึกของฟัน และฝึกแปรงฟันให้ถูกวิธี โดยการแปรงขึ้นลง โดย ย่อยน�้าตาลแลคโตสได้ พอเราดื่มนมน�้าตาลในนมจะผ่านไปสู่ล�าไส้ใหญ่
ขยับแปรงขัดลงซี่ละ 8-10 ครั้ง หลีกเลี่ยงการแปรงฟันแบบขวาง และถูกย่อยโดยจุลินทรีย์ เกิดเป็นกรดและแก๊ส ท�าให้เกิดอาการ
ตัวฟัน หลังการกินอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด หรือของเปรี้ยว ควรบ้วนปาก ท้องเสียได้ เพราะไม่มีน�้าย่อยมาย่อยแล็คโตสอีกแล้ว หรือบางคน
ด้วยน�้าเปล่าทันที และยังไม่ควรรีบแปรงฟันทันที เพราะจะท�าให้ อาจเกิดอาการท้องอืด จุดเสียด แน่นหน้าอก เรอและผายลมบ่อยๆ
เกิดฟันสึกได้ กรณีเกิดการเสียวฟัน แสดงให้เห็นว่าฟันสึกแล้ว แต่คนที่ดื่มนมมาอย่างต่อเนื่องแบคทีเรียในล�าไส้จะสามารถสร้าง
ควรพบทันตแพทย์ ควรตรวจฟันเป็นประจ�าทุก 6 เดือนถึง 1 ปี น�้าย่อยน�้าตาลแลคโตสขึ้นมาได้เอง จึงท�าให้หลายคนไม่มีอาการ
ท้องเสีย เมื่อดื่มนม
Q มีปัญหาการนอนกรน ตื่นมาอ่อนเพลียมาก จะป้องกัน หรือรักษา
ได้อย่างไร Q นมแคลเซี่ยมสูงกับนมถั่วเหลืองไม่ทราบว่าอย่างไหน
จะมีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุมากกว่ากัน
A เสียงกรนเกิดจากอากาศเคลื่อนผ่านทางเดินหายใจที่แคบ ซึ่งมักเกิด
จากการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อทางเดินหายใจส่วนบนขณะ A ในวัยผู้สูงอายุกระดูกเริ่มอ่อนแอ และมีภาวะกระดูกพรุน โดยเฉพาะ
นอนหลับ ท�าให้เกิดการสั่นสะเทือนและสะบัดของกล้ามเนื้อและ ในเพศหญิงเริ่มแรกจะรู้สึกเพียงปวดเมื่อยจนเมื่อกระดูกพรุนหรือ
เนื้อเยื่ออ่อนในบริเวณนั้น เกิดเป็นเสียงกรนขึ้น บางมากจะเริ่มปวดกระดูก โดยเฉพาะบริเวณหลังหรือสะโพก
อาการนอนกรนจึงไม่ใช่เรื่องปรกติแต่กลับบ่งบอกถึง สาเหตุหลักเกิดจากการดูดซึมแคลเซี่ยมลดลงของผู้สูงอายุ
การมีสิ่งอุดกั้นในทางเดินหายใจส่วนบน การหยุดหายใจขณะหลับ จากระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิงที่ลดลงเมื่อถึงวัย
เป็นภาวะที่มีการอุดกั้นทางเดินหายใจมาก การนอนกรนส่งผล หมดประจ�าเดือน และการได้รับแคลเซี่ยมในอาหารที่น้อย ในแต่ละวัน
ท�าให้ง่วงมากผิดปกติในเวลากลางวัน ท�าให้เรียนหรือท�างานได้ ร่างกายต้องได้รับแคลเชี่ยมในปริมาณที่เพียงพอกระดูกจึงจะ
ไม่เต็มที่ และเพิ่มการเกิดโรคต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง แข็งแกร่ง โดยผู้หญิงวัยหมดประจ�าเดือนต้องการแคลเชี่ยม วันละ
ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคหลอดเลือดสมอง โรคกล้ามเนื้อหัวใจ ประมาณ 1,000 มิลลิกรัม ในผู้ชายและผู้หญิงสูงอายุต้องการวันละ
ตายเฉียบพลัน ภาวะนอนกรนพบมากในผู้ใหญ่ที่อ้วนผนังคอหนา ประมาณ 1,000-1,200 มิลลิกรัม
ในช่วงอายุประมาณ 30-35 ปี พบในเพศหญิงประมาณร้อยละ 20 การแก้ไขปัญหากระดูกพรุนอย่างหนึ่งคือ การรับประทานอาหาร
เพศชายร้อยละ 5 หญิงที่มีรอบคอเกิน 15 นิ้ว ชายที่มีรอบคอใหญ่ ที่มีแคลเชี่ยมหรือดื่มนมที่มีแคลเซี่ยมสูง ผู้สูงอายุควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว
กว่า 17 นิ้ว มีความเสี่ยงที่จะเกิดการนอนกรน (ควรเป็นนมพร่องมันเนย) ผู้สูงอายุบางท่านที่ดื่มนมไม่ได้ควรดื่ม
การแก้ไข นมถั่วเหลืองแทน เนื่องจากได้โปรตีนจากถั่ว แต่จะต้องกินไปควบคู่
1. นอนตะแคงหรือนอนหัวสูง กับอาหารที่มีแคลเซี่ยมสูงเช่นปลาเล็กปลาน้อย
วารสารสุขภาพ 29
ส�านักอนามัย