Page 100 - IGNITE Thailand HD|HRD Episode 1
P. 100

IGNITE Thailand |98                                                                     THAILAND
                                                                                                    ED HRD
                                                                                                    พัฒนาการศึกษา   พัฒนาทรัพยากรมนุษย
                 จำกที่ได้สัมผัสจริงกับระบบโรงเรียนไทย ในมุมของ
            ผู้เรียน มีควำมคิดเห็นอย่ำงไรบ้ำง


                  ระบบโรงเรียนไทยค่อนข้างแตกต่างจากระบบ
            โรงเรียนนานาชาติและต่างประเทศมากค่ะ โรงเรียนไทย

            มักจะมี class (ชั้นเรียน) ใหญ่กว่าที่อื่น ๆ คือประมาณ
            40-50 คนต่อห้อง ดังนั้นบรรยากาศการเรียนจะค่อนข้าง

            สบาย ๆ เรียนตามเพื่อน ๆ ไป ไม่รู้สึกว่าต้องกระตือรือร้น
            มากเท่าไรนัก ส่วนคุณครูก็จะสอนแบบ Lecture (บรรยาย)
            หรือแบบ One Way (สอนทางเดียว) โดยที่นักเรียนไม่ค่อย

            มีโอกาสที่จะตอบโต้กับคุณครู นอกจากนี้คุณครูจะมีสื่อ
            การสอนที่จ�ากัด ซึ่งหากมีโอกาสได้ไปใช้ห้องเรียนพิเศษ       ช่วงเรียน High school (มัธยมปลาย) ที่แคนาดา

            ก็จะเจอปัญหาต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ขาดแคลน ต้องแบ่งกัน  ก็จะคล้ายๆ กับโรงเรียนอินเตอร์ฯ คือ 4-5 วิชา และวิชา
            ใช้ เพราะว่าจ�านวนนักเรียนเยอะกว่าจะรอเพื่อนใช้เสร็จ   ตอนบ่าย ๆ ก็จะยาวหน่อยเพราะเค้าอยากให้ชั่วโมงนั้น ๆ
            บางครั้งหมดคาบเรียนไปแล้วพอเมื่อเรามีโอกาสได้ใช้   เอาไปท�าอะไรที่ใช้เวลาเยอะมากขึ้น เช่น บางทีเราอ่าน

            เราก็ไม่สามารถลองได้แบบเต็มที่ เพราะต้องเผื่อเพื่อน ๆ ด้วย  “Shakespeare” และเค้าเล่นเทป “Shakespeare”

                                                              และเราก็อาจจะผลัดกันอ่าน รูปแบบนี้มันใช้เวลานานก็เลย
                 เห็นควำมแตกต่ำงอะไรบ้ำงในด้ำน ปริมำณ เวลำ    เหมาะไว้ในช่วงสุดท้าย บางทีเรียนท�าอาหาร ท�ากับข้าว
            เรียน หลักสูตร และโอกำสในกำรใช้ภำษำอังกฤษ         ก็อาจจะต้องใช้เวลานาน เขาก็เอาวิชานั้นไปเป็นชั่วโมงเรียน

                  โรงเรียนไทย เรียนประมาณ 7 คาบต่อวัน คาบนึง  ที่ยาวขึ้น คือมันไม่ค่อยตายตัวเท่าไร เขาจะ Rotate

            ประมาณ 50 นาที แล้วก็แต่ละวันจะแตกต่างวิชากัน วิทย์   (หมุนเวียน) ในแต่ละวิชาเพื่อให้เหมาะกับสิ่งที่จะท�าในวัน
            คณิต ไทย อังกฤษ และมันก็จะซ�้า ๆ กันไปทุกวัน จริง ๆ ก็ นั้นๆ และการเรียนจ�านวนวันละ  4-5 วิชา ส่วนตัวคิดแล้ว
            โอเค แต่ว่า 7 วิชา   มันน่าจะเยอะเกินกว่าที่เด็กคนนึงจะ ว่ามันดีตรงที่เราสามารถเอา Attention (ความตั้งใจ)
            สามารถแบ่ง Focus (จุดสนใจ) หลายๆ วิชาภายในวันเดียว  ของเราใส่เข้าไปในวิชานั้น ๆ ได้อย่างตั้งใจและเต็มที่มาก

            เพราะว่าถ้าหากคาบเรียนนึง 50 นาที ใน 1 วิชา จริง ๆ   กว่าการที่เราจะต้องแบ่งความตั้งใจในการเรียนรู้ของเราให้
            แล้วก็ไม่ได้อะไรเยอะขนาดนั้น เพราะว่าความตั้งใจของเรา  ได้ถึง 7 วิชา การเรียนก็น่าจะได้รับประสิทธิภาพและซึมซับ
            มันก็อาจจะถูกรบกวนโดยเพื่อนหรือสิ่งอื่นๆ รอบตัว เช่น   ได้มากกว่า
            การบ้านวิชาหน้ายังไม่ได้ท�า เลยต้องมาท�าในวิชานี้

            วิชาเรียนในช่วงเช้าจะตั้งใจเรียนและมีสมาธิดีกว่าคาบ     เรื่องหลักสูตร ถ้าพูดถึงจุดหมายสุดท้ายของการ
            บ่ายๆ  สิ่งเหล่านี้ท�าให้ attention span (ความสนใจของ  เรียนรู้ว่าเรียนไปท�าไม เรียนแล้วจะไปท�างานอะไร อาจเป็น
            คนเรา) และการตื่นตัวเราสั้นลงเพราะความเหนื่อย
            ความง่วง และความเบื่อ                             งานที่ดีหรือได้ท�าสิ่งที่อยากท�า ก็ต้องมองย้อนกลับไปที่
                                                              จุดเริ่มที่โรงเรียน ตอนประถมก็อาจไม่ได้เน้นอะไรมาก
                                                              เพราะช่วงเรียนประถมเป็นวัยที่ควรรู้เบสิกทุกอย่าง เพราะ
                  ส่วนโรงเรียนอินเตอร์ฯ ในหนึ่งวันเรียนประมาณ
            4-5 วิชาและชั่วโมงก็จะต่างกัน เช่น คาบบ่ายก็อาจจะยาว  ฉะนั้นหลักสูตรมันน่าจะค่อนข้างโอเคอยู่แล้ว  ยกเว้นแต่ว่า

            หน่อย 3 ชั่วโมง คาบเรียนปกติก็ประมาณ 1 ชั่วโมง การ  นักเรียนอาจไม่ค่อยมีอิสระในการเลือกที่จะท�าอะไร เพราะ
            จัดตารางแบบนี้ท�าให้เรามีเวลาที่จะซึมซับกับบทเรียน     นักเรียนบางคนอาจค้นพบว่าตัวเองชอบอะไรตั้งแต่เด็ก ๆ
            ในวันนั้น ๆ มีโอกาสได้ท�างานหรือแบบฝึกหัดในห้องเรียน  แต่ว่าเป็นเพราะกรอบมันบังคับ เขาเลยได้เลือกแค่ในสิ่งที่
            ได้มากกว่า มีโอกาสในการถามครูมากกว่า              มี ไม่มีทางอื่นรองรับในสิ่งที่เค้าอยากเรียน  เช่น ถ้าเค้าชอบ
   95   96   97   98   99   100   101   102   103   104   105