Page 103 - IGNITE Thailand HD|HRD Episode 1
P. 103

IGNITE Thailand |101                                                                    THAILAND
                                                                                                    ED HRD
                                                                                                    พัฒนาการศึกษา   พัฒนาทรัพยากรมนุษย





















                 ระบบกำรศึกษำไทยเปรียบเทียบกันกับกำรเรียน     ที่นักเรียนจะเรียน นักเรียนจะจดจ�าในสิ่งที่เขาถามหรือตอบ
            ระบบนำนำชำติหรือมหำวิทยำลัยในต่ำงประเทศ
            คิดว่ำควรจะต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้ำงในระบบกำร       หรือค�าตอบเพื่อน หรือแม้แต่ตอบผิด เราก็จะจ�าได้ว่าเราผิด
            ศึกษำไทย                                          และเราจะรู้เองว่าควรไปศึกษาเพิ่มนะ



                  อย่างแรกที่น่าจะส�าคัญที่สุดเลยคือ เรื่องการฟัง    วิธีการเรียนของนักเรียน (learning style) มีหลัก ๆ
            ความคิดเห็นของนักเรียนและพยายามแก้ไข คือตอนนี้   3 แบบคือ visual learner คนจะเรียนรู้ได้ดีที่สุด โดยผ่าน

            เขาอาจจะฟังแต่ไม่ค่อยอยากที่จะเปลี่ยนแปลงเพราะการ ทางสายตาโดยสื่อและภาพเช่น กราฟ, รูปภาพ, แผนภูมิ
            เปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่ง ขั้นตอนกระบวนการของมันยาว  แบบต่อมา auditory learner คือคนที่เรียนรู้ได้ดีที่สุดผ่าน
            และยาก แต่ความเป็นจริงถ้ามีคนร้องเรียนกันมาก ๆ มัน การฟัง และสุดท้าย kinesthetic learner คือคนที่เรียนรู้

            หมายถึงว่ามันก็คงมีปัญหาเกิดขึ้นจริง ๆ และเขาควรจะ  ได้ดีที่สุดผ่านการลงมือท�า การศึกษาไทยควรจัดแบ่ง
            รับฟังเพราะว่านั่นคือสิ่งที่คนได้รับบริการสัมผัสได้ ก็เลย สัดส่วนการสอน การลงมือท�าและเพิ่มการใช้สื่อเพื่อ

            อยากให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบการศึกษาไทยรับฟังและ ช่วยดึงศักยภาพของเด็กกลุ่มที่เป็น visual และ
            ลงมือท�าจริงๆ อาจจะยังไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทั้งหมด แต่  kinesthetic learner ด้วย
            acknowledge (ยอมรับทราบ) ถึงปัญหาและพยายาม

            แก้ไข เพราะว่าถ้าไม่แก้ไข มันก็ยังคงอยู่ที่เดิม        อย่างที่สาม อาจเป็นเรื่องการใช้เทคโนโลยีในห้องเรียน
                                                              ที่จะสามารถช่วยแก้ปัญหาหยุมหยิมและภาระที่กินเวลา

                  อย่างที่สองคืออยากให้เป็นการเรียนการสอนที่เป็น ของนักเรียนได้ การสร้างระบบที่ดีอย่างแพลตฟอร์มก็ช่วย
            แบบ interactive (ผู้เรียนด้วยกันและผู้สอนมีปฎิสัมพันธ์ ประหยัดเวลา จากจดการบ้านในสมุดจดการบ้าน ซึ่งบางคน
            กัน) ถาม ตอบ โต้ ถกเถียง แลกเปลี่ยน เพื่อที่จะกระตุ้นให้ ไม่ได้ให้พ่อแม่ดูด้วยซ�้าแล้วก็ยังปลอมลายเซ็นอีก เปลี่ยน

            นักเรียนได้ใช้ความคิดมากขึ้น เพราะเมื่อก่อนตัวเองนั่งหลัง เป็นการใช้แพลตฟอร์มที่ลิสต์การบ้านเราไว้ แถมช่วย Keep
            ห้อง อยู่ไกลครูมาก ครูก็สอน ๆ ไป และเราจะแอบท�าอะไร track (ติดตามผล) ด้วยว่าท�าเสร็จมั้ย ดังนั้นถ้าใช้เทคโนโลยี

            ใต้โต๊ะก็ได้ เนื่องจากครูมีหน้าที่สอน ครูก็เขียนบนกระดาน มันก็น่าจะช่วยให้มันง่ายขึ้น หากรูปแบบแพลตฟอร์มหลัก
            ไป แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นการสอนในโรงเรียนที่ถูกวิธี   อันเดียวมีทั้งการบ้าน เลกเชอร์ (Lecture) หรือบทเรียนที่
            ครูจะสอนโดยการเน้นการตั้งค�าถาม ให้นักเรียนคิดและ จะต้องเรียน ชีวิตก็ไม่ต้องแบกหนังสือเยอะ ๆ หรือคอย

            ตอบ มันก็ท�าให้เราไม่สามารถเอาเวลาและความสนใจไปที่ ปลอมลายเซ็นผู้ปกครองและยังมีเวลามากขึ้นเอาไปอ่าน
            อื่น เพราะเราต้องตั้งใจและจดจ่อต่อสิ่งที่ครูพูด เค้าอาจจะ หนังสือ วิ่งเล่น ท�ากิจกรรมน่าจะมีประโยชน์มากกว่า

            ถามเราได้ทุกเมื่อ และเราก็ต้องตอบให้ได้ มันเลยเหมือน พ่อแม่ก็สบายใจ รู้ว่าลูกมีความคืบหน้าไปถึงไหน หากเด็ก
            บังคับให้นักเรียนต้องตามในสิ่งที่เขาสอนแล้วก็ให้คิดไปด้วย มีปัญหา ครูก็ขอให้พ่อแม่ร่วมด้วยช่วยกัน แบบว่าช่วยกัน
            ในเวลาเดียวกันเพราะว่ามันคือ Process (กระบวนการ)    เลี้ยงลูกให้ส�าเร็จไปด้วยกัน
   98   99   100   101   102   103   104   105   106   107   108