Page 29 - วรรณกรรม_50_ที่ต้องได้อ่านก่อนโต
P. 29
เขานี่แหละ ที่ทำาให้หมู่บ้านของเรา เทพศิริ พูดถึงเพื่อนคนนี้ต่ออีกว่า กับปู่ไปทางลำาน้ำาในตอนกลางคืนโดยอาศัยดาวนำาทาง
“เราขอบคุณมันเพราะเรารู้ว่า เมื่อเราโต
กลายเป็นมุมหนึ่งอันงดงามแห่งโลก ขึ้นมา มันมีบุญคุณกับเรามาก มากกว่าครูที่สอน เทพศิริพูดถึงตรงนี้ว่า
“ตอนโตแล้วเราเคยซื้อเรือจากแพร่ ปล่อย
เขาควรจะเติบโตไปเป็นผู้ถ่ายทอดสิ่งที่มี เราอ่านออกเขียนได้อีก เพราะมันเล่าถึงสิ่งที่เราทำา ลอยที่ลำาน้ำายม จนไปถึงบ้านเราเลย กลางคืนคอยดู
เสน่ห์มาชูใจคน ความคิดฝันของเขาพิเศษ ไม่ได้ ไม่มีเขียนบอกไว้ในหนังสือ และด้วยความที่ มันมาแบบที่ปู่บอก คือ กลางคืนมันมืดใช่มั้ย มันมาได้
ไง ใช้ดาวนำาทาง เหมือนในเรื่อง มันเท่ มันสวยมาก”
เราเป็นคนขี้เล่นใช่มั้ย สองสามปีที่แล้วไปเจอกัน
สุดเท่าที่เด็กคนหนึ่งจะเคยมี แผ่นดินทอง เราก็ไปกราบมัน บอกมันว่า ครูครับ ครูให้ความรู้ ถามเทพศิริว่าตัวหนังสือในเรื่องเขียนได้
ของไทยนี่แหละที่หล่อหลอมเขา... ผมมากครับ ผมเอาของขวัญมาให้ครูครับ (หัวเราะ) ละเอียดลึกซึ้ง ราวกับเห็นภาพขณะที่อ่าน ใช้กลวิธีเขียน
ได้อย่างไร เทพศิริตอบว่า
แล้วเราก็เอาซองใส่เงินและเขียนจดหมายขอบคุณ
...เรื่องของเขาเหลวไหลใครว่า มัน โหย บรรยายอย่างดี ซาบซึ้งเลยล่ะ พอกลับไป “เราเขียนเรื่องเหมือนเขียนรูป ใช้ตาเห็น แต่
บึงหญ้า รู้รักแม้หมู่ไม้สายลม เราเข้าใจฟ้าฝน เจอกันอีก เราก็เลยถามว่า มึงเปิดซองแล้วใช่มั้ย ใช้ใจสัมผัส คำามันมาจากความทรงจำา มาจากความรัก
เขาทำาให้เรารู้จักสายน้ำาลำาแคว
ในภาษา ไม่ได้มาจากอย่างอื่นเลย และบึงหญ้าป่าใหญ่
มันก็เออ แล้วก็ถามว่า มึงอ่านที่กูเขียนหรือเปล่า
นี้มันเน้นเรื่องของภาษา เรื่องของการอ่าน เราเติบโต
มึงว่าไง ก็พยายามถามด้วยนะ มันนิ่งไปนาน มัน
ป่าใหญ่ เราเป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวพัน เราเอนอิง พยายามไม่พูด แต่แล้วมันก็หลุดออกมา (น้ำาเสียง มาอย่างนี้ สมัยเด็กๆ มีแบบเรียนเล่มเก่า ก็ท่องไปสิ
โคลนเหลว ก็เพราะเขาด้วยมิใช่หรือ
ดังทั้งศาลาเรียน ที่เรียนร่วมกันทุกชั้น ฝากั้นก็ไม่มี ทุก
เปลี่ยนไป) กูจะรู้ได้ไง กูอ่านไม่ออก โอ้โห เรางี้
กันอยู่ เราเรียนรู้จากกันและกัน... สะเทือนใจมากเลย” ห้องก็ได้ยินหมด มันก็จดจำาได้
...ที่ท่า น่าซื้อ ซื่อดี สำาลี สำารับ คำานับ น้ำาค้าง ไหว้วาน
“แต่เขาเป็นคนเท่นะ ถึงวัยจะร่วงโรย แต่
“ผม” ตัวละครหลักที่ มันเหนือชั้นจริงๆ มันกร้านแดด กร้านลม ยังเข้า ทำางาน เสาเรือน เก็บไว้ ดอกไม้ มะไฟ ตั้งใจ จดจำา
พาผู้อ่านไปพบโลกในวัยเยาว์ ป่า ไปเก็บยางไม้ ยังก่อฟืน ก่อไฟ ฉากและเรื่อง ทำานา ทำาสวน ใส่ปุ๋ย กระเป๋า เต่าทอง ยิงเป้า
ของเขา ที่ได้เรียนรู้โลกของ เล่ามันเหนือกว่าบึงหญ้าป่าใหญ่อีก” ....คำาเป็นอย่างนี้ แล้วเราก็อ่าน อ่านได้ก็อ่านเร็วขึ้น
ธรรมชาติผ่าน “โทน” ตัวละคร หลายคนที่ได้อ่านบึงหญ้าป่าใหญ่ มัก “แต่มันตายไปเมื่อปีที่แล้วนี่เอง” คนอ่านไม่ออกมันก็ท่องไป แต่ให้ชี้มันชี้ไม่ออกหรอก
อีกตัวที่มีบทบาทสำาคัญในการ ติดใจตัวละครเด่นที่ชื่อ “โทน” เพราะความ บึงหญ้าป่าใหญ่ ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรก เหมือนอย่างไอ้โทน”
เดินเรื่อง “บึงหญ้าป่าใหญ่” เป็น กล้าหาญและรอบรู้ทางด้านการใช้ชีวิตที่สำาคัญ โดยการพิมพ์เป็นตอนๆ ในนิตยสารสตรีสาร และ บึงหญ้าป่าใหญ่ ถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในหนังสือ
เรื่องเล่าผ่านประสบการณ์ของ คือคอยช่วยเหลือ “ผม” ตีพิมพ์รวมเล่มครั้งแรก ปี พ.ศ. 2522 ดี หนึ่งร้อยเล่มที่เด็กไทยและเยาวชนควรอ่าน
“ผม” เรื่องราวเริ่มต้นในวันที่โลก โทนมีตัวตนจริงหรือไม่อย่างไรนั้น มีฉากๆ หนึ่งที่ผมและเพื่อนๆ ล่องเรือ
ของผมกว้างขึ้นกว่าคำาว่าบ้าน นักเขียน “เทพศิริ สุขโสภา” เล่าให้ฟังเมื่อ เทพศิริ สุขโสภา เกิดที่หมู่บ้านย่านยาว เมื่อปี พ.ศ. 2486 เป็นทั้งนักเล่า
วันที่ผมเดินไปโรงเรียนในวันแรก ทีมงานหนังสือได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษเพื่อลงประกอบ นิทาน ศิลปิน และนักเขียน เขาเรียนจบคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ จาก
จนกระทั่งผมเดินทางมาเมือง เนื้อหาเล่มนี้โดยเฉพาะว่า “มีจริงสิไอ้โทนน่ะ แต่มันไม่ได้ มหาวิทยาลัยศิลปากร ผ่านการทำางานศิลปะหลากแขนงมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2511 ไม่ว่าจะเป็น
ใหญ่ และกลับไปเยือน เนื้อหา ชื่อนี้หรอกนะ เรายังคบหากับมันมาตลอดเลย แต่พฤติกรรมเกเร หรือชอบ ดนตรี การแสดง สถาปัตยกรรม จิตรกรรม ฯลฯ
รายละเอียดภายในเรื่องแสดงถึง เที่ยวเล่น หนีโรงเรียนนั้น จริงๆ แล้วมาจากหลายๆ คน แต่เราเอามาหลอม เทพศิริสนใจทำางานเกี่ยวกับเด็กโดยถ่ายทอดผ่านศิลปะหลายๆ แขนง ทั้งภาพ
ความรักและผูกพันกันระหว่าง รวมกันให้เป็นไอ้โทนคนเดียวเพื่อให้เห็นภาพตัวละครชัดเจนขึ้น เหมือน วาด งานเขียน และหนังสือ ผลงานหนังสือของเขานั้นล้วนแต่โด่งดังและได้รับการกล่าวถึง
เพื่อน รุ่นพี่รุ่นน้อง ครอบครัว เวลาเขียนรูปต้นไม้ คุณเขียนใบไม้ทุกใบไม่ได้ ก็ต้องเขียนทรงพุ่มมัน เขียน ปีที่ 16 ฉบับที่ 6309วันอาทิตย์ที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2549 ได้แก่ ของเล่นเดินทาง บึงหญ้าป่าใหญ่ กลับทางเก่า และร่างพระร่วง
โดยมีฉากเป็นหมู่บ้านชนบท เค้าโครงให้เห็นภาพรวมๆ เป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง” ในวัย 71 ปี เทพศิริยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง ยังคงวาดภาพ เล่านิทาน ชอบ
ที่อุดมสมบูรณ์ มีบึงหญ้าและ “หลายๆ อย่างในเรื่องเป็นจริงทั้งนั้น เป็นหมู่บ้านจริงๆ ทุกวันนี้ก็ ภาพจาก จุดประกาย วรรณกรรม เขียนดรออิ้งภาพเหมือนแจกจ่ายคนรู้จัก และยังคงมีโครงร่างและข้อมูลสำาหรับนิยาย
ป่าใหญ่ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้และ ยังอยู่ มันเป็นหมู่บ้านที่มีเสน่ห์มาก ลำาน้ำาก็ยังสวย บึงก็มีจริงๆ ป่าจริงๆ เกี่ยวกับเด็กเล่มใหม่เรื่อง “เมฆกับแมง” ที่เขากำาลังจะลงมือเขียนอีกไม่นาน
เติบโตไปกับมัน ผู้เล่าก็เป็นตัวเราจริงๆ” ปัจจุบันอาศัยอยู่ในเชียงใหม่
28 29