Page 61 - สุขศึกษา พลศึกษา ม.ต้น
P. 61

61



                                         3)  สงผลกระทบตอสังคมและประเทศชาติ  การตั้งครรภที่ไมพึงประสงคของวัยรุนทํา
                   ใหเกิดปญหาทางสังคมตาง ๆ ตามมาดังที่ไดกลาวมาแลว  นอกจากนี้  ประเทศชาติตองสูญเสียงบประมาณ
                   บางสวนที่ตองนํามาใชเพื่อการบําบัดรักษา  ดูแลสุขภาพของวัยรุนเพศหญิงที่ตั้งครรภโดยไมพึงประสงค  ตองจัด

                   งบประมาณในการเลี้ยงดูประชากรสวนหนึ่งที่เกิดจากพวงของปญหาดังกลาว
                                 3.2  การปองกันการตั้งครรภที่ไมพึงประสงคในวัยรุน

                                 การปองกันมีแนวทางในการปฏิบัติ  ดังนี้
                                       1)  ตองรูจักหลีกเลี่ยงสถานการณที่เอื้ออํานวยใหเกิดการมีเพศสัมพันธ  มักพบวาการมี
                   เพศสัมพันธที่ไมไดตั้งใจของวัยรุนมักจะเกิดจากสถานการณหรือบรรยากาศที่เอื้อใหเกิดโอกาสตอการมี

                   เพศสัมพันธ  เชน  การอยูตามลําพังสองตอสองในที่ลับตาคน  หรือการเขารวมในกิจกรรมพบปะสังสรรคที่มีการดื่ม
                   เครื่องผสมแอลกอฮอล  เปนตน

                                       2)  ตองรูจักใชทักษะในการปฏิเสธเพื่อแกไขสถานการณเสี่ยงตอการมีเพศสัมพันธ
                   วิธีการหลีกเลี่ยงและแกไขสถานการณดังกลาว  ฝายหญิงตองนําทักษะการปฏิเสธไปใช  ซึ่งการปฏิเสธของฝายหญิง
                   จะเปนสัญญาณเตือนใหฝายชายหยุดแสดงพฤติกรรมทางเพศที่ไมเหมาะสมออกมา  แนวทางในการใชคําพูดที่

                   เปนทักษะของการปฏิเสธ  มีหลายขอความ  เชน  “หยุดนะ  อยาทําแบบนี้”  ฉันไมชอบหยุดนะ”  “อยานะ  ฉันจะ
                   ตะโกนใหลั่นเลย”  “คุณไมมีสิทธิ์ที่จะทําแบบนี้”  และอื่น ๆ ตามความเหมาะสมซึ่งคําพูดที่เปนทักษะในการ

                   ปฏิเสธมักจะมีคําวา “ไม” “อยา” หรือ “หยุด”
                                       3)  ตองรูจักใหเกียรติซึ่งกันและกัน  การที่ฝายหญิงและฝายชายนําหลักความเสมอภาค
                   ทางเพศ  และการวางตัวที่เหมาะสมตอเพศตรงขามมาใช  ถือวาเปนการใหเกียรติซึ่งกันและกัน  ซึ่งจะชวยปองกัน

                   อารมณในขณะพบปะพูดคุยกันไมใหพัฒนาไปสูความตองการทางเพศได
                                       4)  ตองระมัดระวังในเรื่องการแตงกาย  ปจจุบันรูปแบบการแตงกายของวัยรุน
                   โดยเฉพาะวัยรุนเพศหญิงมักนิยมสวมเสื้อผาที่รัดรูปหรือนอยชื้นเกินไป  ซึ่งการแตงกายดังกลาวจะทําใหเห็น

                   รูปรางสัดสวนชัดเจนขึ้น  การแตงกายในลักษณะดังกลาวจะสงผลเราใหเพศตรงขามเกิดอารมณและขาดความยั้ง
                   คิด  อาจนําไปสูการแสดงพฤติกรรมการลวงละเมิดทางเพศที่เปนอันตราย  จนถึงการตั้งครรภที่ไมพึงประสงคใน
                   เพศหญิงได

                                         5)  ควรหลีกเลี่ยงการเดินทางตามลําพังในยามวิกาลหรือในเสนทางที่เปลี่ยว  จาก
                   สถิติของวัยรุนเพศหญิงพบวา  อันตรายที่ไดรับจากการถูกขมขืนมักเกิดขึ้นในยามวิกาลหรือในเสนทางที่เปลี่ยว
                   ผูคนสัญจรนอย  ดังนั้น  วิธีการปองกันที่ดีที่สุดหากจําเปนจะตองเดินทางในสถานการณดังกลาว  ควรจะมีเพื่อน

                   หรือญาติรวมเดินทางไปดวยเพื่อปองกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น

                   4.  ความรูเบื้องตองเกี่ยวกับกฎหมายคุมครองสิทธิผูถูกลวงละเมิดทางเพศ
                                 กฎหมายไดระบุฐานความผิดเกี่ยวกับการถูกลวงละเมิดทางเพศไว 2 ลักษณะ ดังนี้
                                 4.1  ความผิดฐานขมขืนกระทําชําเรา

                                       ผูที่ขมขืนกระทําชําเราเด็กหญิงอายุไมเกิน 15 ป  ซึ่งมิใชภรรยาตน  โดยเด็กหญิงนั้นจะ
                   ยินยอมหรือไมก็ตาม  ตองระวางโทษจําคุกตั้งแต 4-20 ป  และปรับตั้งแต 8,000-40,000 บาท (ประมวลกฎหมาย

                   อาญามาตรา 277 วรรคหนึ่ง)
   56   57   58   59   60   61   62   63   64   65   66