Page 49 - mukdahansuksapub
P. 49
49 ผู้ร่วมเดินทางกับคุณแม่จันทิพย์จากกรุงเทพฯไปมุกดาหารในครั้งนั้นก็คือลูกชายทั้งสองคนของ ท่านคือสวัสดิ์ อายุ ๕ ขวบ,สิริ (สฤษดิ์)อายุ ๓ขวบ พร้อมด้วยพี่สาวของท่านคือคุณป้ า คําฟองและลูกสาวคุณป้ า คําฟองอีก ๒ คน คือด.ญ.ทิพย์ (นางนทีคามรักษ์)อายุ ๑๓ ขวบ, ด.ญ.เทียบ (คุณหญิงประเทียบ ชลทรัพย์-มารดา ท่านผู้หญิงวิจิตรา ธนะรัชต์) อายุ ๑๐ขวบ ในการเดินทางทางเรือในลํานํ้ามูลจากท่าช้างไปตามลํานํ้ามูลปรากฎ ว่าลูกชายคนโตของคุณแม่จันทิพย์ที่ชื่อ สวัสดิ์ (พี่ชายจอมพลสฤษดิ์)อายุ ๕ ขวบได้ป่วยเป็นไข้ป่าในเรือ จึงไม่มี หยูกยาที่จะรักษาได้และได้เสียชีวิตในเรือกลางลํานํ้ามูลก่อนที่จะเดินทางถึงเมืองอุบลฯเพียง ๒ วัน จึงสร้าง ความเศร้าสลดหดหู่และเสทือนใจแก่คุณแม่จันทิพย์ตลอดทางและตลอดชีวิตของท่านด้วย เมื่อเดินทางถึงเมืองอุบลราชธานี คุณแม่จันทิพย์ได้พาพี่สาว,หลานสาวและลูกไปพักที่บ้านญาติใน กองทหารเมืองอุบลฯอีกหลายวัน เพื่อรอเกวียนที่จะเดินทางไปยังมุกดาหาร มีสิ่งที่ส่อให้เห็นถึงแววความเป็น ทหารของท่านจอมพล สฤษดิ์ตั้งแต่เล็กๆซึ่งเป็นลูกทหาร คือในเช้าวันหนึ่งขณะที่ทหารเป่าแตรเดี่ยวชักธงขึ้นสู่ ยอดเสา จอมพล สฤษดิ์ซึ่งมีอายุเพียง ๓ ขวบได้วิ่งไปยืนหน้าแถวทหารและทําวันทยหัตถ์ด้วย เมื่อทหารเห็น เด็กตัวเล็กๆแสดงอาการผิดแปลกจากเด็กทั่วไปต่างก็หัวเราะชอบใจไปตามๆกัน แต่คงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า เด็กตัวเล็กๆที่ทหารเมืองอุบลฯหัวเราะขบขันในวันนั้นต่อมาอีก ๔๐ ปีกว่าเขาได้เป็นถึงจอมพลผู้เกรียงไกรของ กองทัพไทยและเป็นนายกรัฐมนตรีที่ได้พัฒนาชาติไทยและภาคอีสานของไทยให้เจริญก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเมืองอุบลราชธานี ต้องนอนรออยู่ที่เมืองอุบลราชธานีสิบกว่าวันเพื่อรอคอยว่าจะมีเกวียนที่ จะนําสินค้าจากมุกดาหาร(สีเสียด,แก่นคูน,ของป่า)มาขายยังเมืองอุบลฯหรือยังเพื่อจะว่าจ้างโดยสารกลับไปยัง เมืองมุกดาหาร ต้องนั่งเกวียนอีก ๑๐ กว่าวันจากเมืองอุบลฯไปยังเมืองมุกดาหาร ผ่านป่าดงพงพีที่เป็นดงทึบคือ ดงบังอี่ซึ่งเป็นป่าดงที่รกชัฏมากมีทั้งช้างป่าและเสือในป่าอีกทั้งต้องระวังไข้ป่าอีกด้วย แม้แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงษ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ซึ่งท่าน ได้เสด็จไปตรวจราชการเมื่อ พ.ศ.๒๔๔๙(ก่อนคณะคุณแม่จันทิพย์จะเดินทางกลับมุกดาหารเพียง ๓ ปี)ได้ทรง บันทึกการเสด็จผ่านดงบังอี่เมื่อวันที่ ๒๑ มกราคม พ.ศ.๒๔๔๙ไว้ว่า “... วันที่ ๒๑ มกราคม เวลายํ่ารุ่ง ขี่ม้าออกจาก เมืองมุกดาหาร ตามหนทางที่มามีโคกบ้าง มีนาบ้าง ผ่านบ้านเหมืองบ่าแลเห็นเขาภูมโนและเขาภูหินขัน ซึ่งดูตามแผนที่เข้าใจ ว่าเนื่องกันกับเขาภูพาน เวลาเช้า ๑ กับ ๒๕ นาทีถึงบ้านคําเขือง ที่พักร้อนระยะทาง ๒๔๐ เส้น เวลาเช้า ๓ โมงได้เดินทางเข้าดง บังอี่ เป็นทางขึ้นเขาอย่างเดียวกับดงพญาไฟ(ดงพญาเย็น)แต่เป็นดงใหญ่ทึบกว่าดงพญาไฟ ต้นไม้แน่นหนารกชัฏแลเห็นดวง พระอาทิตย์แต่เมื่ออยู่เหนือยอดไม้ มีต้นตะเคียนต้นยางอย่างใหญ่ๆก็มาก ข้ามทางลํานํ้าเล็กๆที่ผ่านในดงนั้น ๒-๓แห่งและข้าม ห้วยบังอี่ซึ่งเป็นห้วยใหญ่แห่งหนึ่ง ถึงบ้านนากอกซึ่งเป็นบ้านอยู่ในดงเวลาเที่ยง ๒๕ นาทีระยะทาง ๔๙๐ เส้น......” ตกกลางคืนคณะคุณแม่จันทิพย์ต้องพักแรมในกลางป่าต้องนําเกวียนทุกเล่มมาจอดล้อมวงกัน และก่อกองไฟไว้โดยรอบ บางคืนก็มีเสือหรือช้างป่ามาเดินรอบๆกองไฟแต่ไม่กล้าเข้ามาทําร้าย จอมพล สฤษดิ์ เมื่ออายุ ๓ ขวบได้อยู่กับคุณแม่จันทิพย์และคุณยายของท่านที่มุกดาหารด้วยความ อบอุ่น ด้วยความเอื้ออารีของญาติพี่น้องท่านจนอายุ ๕-๖ ขวบ ภาพท้องทุ่งอันเวิ้งว้างและหาดทรายที่ยาวเหยียด กลางแม่นํ้าโขงยังติดตาตรึงใจท่านอยู่ตลอดชีวิต