Page 51 - mukdahansuksapub
P. 51
51 ขนมหม้อแกง,ทองหยิบ.ฝอยทอง ฯลฯ และยังได้ถ่ายทอดให้ลูกหลานทุกคนทําได้อีก เพราะว่าในอดีตจังหวัด หรือเมืองเล็กๆจะไม่มีร้านอาหารไม่มีโรงแรม ข้าราชชั้นผู้ใหญ่ที่เดินทางมาก็ต้องอาศัยพักที่บ้านพักนายอําเภอ นายอําเภอก็ต้องต้อนรับและจัดอาหารการกินไว้รับรองด้วย คุณแม่จันทิพย์ไม่เคยปล่อยให้วันเวลาผ่านไปโดย เปล่าประโยชน์ เช่นซื้อปลาในลํานํ้าโขงมาทําปลาร้า,นํ้าปลา ท่านชอบทําสวนปลูกข้าวโภชน์,ถั่วเขียว,ถั่ว เหลืองแล้วนําถั่วเหลืองมาทําเต้าเจี้ยว ชักชวนภรรยาข้าราชการปลูกหอมกระเทียมริมตลิ่งโขงนํามาใช้ใน ครัวเรือน ตลอดทั้งวันพระขึ้น ๘ คํ่า ๑๕ คํ่าท่านก็เข้าวัดถือศีลสมาธิเป็นประจํามิได้ขาด โดยเฉพาะงานนมัสการพระธาตุพนมทุกปีจะมีข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เดินทางมาร่วมงานทุกปี คุณแม่จันทิพย์ต้องเตรียมข้าวปลาอาหารขนมนมเนยไว้ให้พร้อมทุกปี ตลอดทั้งศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ท่านก็ฝึกสอนให้ลูกสาวต้องทําได้ทุกคนเช่นการปั่นฝ้าย,ย้อมฝ้าย,ทอผ้า,มัดหมี่เป็นต้น ครั้นถึง พ.ศ.๒๔๗๒ ลูกชายคนโตของคุณแม่จันทิพย์ (นายสง่า จันทรสาขา)เรียนจบมัธยม ปีที่ ๔ ที่จังหวัดนครพนม ซึ่งการศึกษาในสมัยนั้นแบ่งการศึกษามัธยมต้น (มัธยมปีที่๑ถึงมัธยมปีที่ ๔) มัธยมปลาย(มัธยมปีที่ ๕ ถึงมัธยมปีที่ ๘) เกือบทุกจังหวัดจะมีแค่มัธยมต้นการจะศึกษาต่อในมัธยมปลาย จะต้องไปศึกษาต่อที่กรุงเทพฯหรือเมืองใหญ่ๆ คุณพ่อหลวงพิทักษ์ฯคิดที่จะส่งลูกไปศึกษาต่อที่ กรุงเทพฯแต่ท่านรับราชการไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปกรุงเทพฯได้ จึงมอบภาระนี้ให้คุณแม่จันทิพย์เพราะ เห็นว่าท่านเคยพํานักอยู่กรุงเทพฯมาก่อนและมีลูกหลานอยู่ที่กรุงเทพฯหลายคน หลานสาวแต่ละคนก็มี ฐานะดีทุกคนเช่น คุณป้ าชื่น(นางสมัครบุรีรมย์)เป็นภรรยา พ.ต.ท.พระสมัครบุรีรมย์(จอน มหาสุคนธ์)ผู้ บังคับการตํารวจนครบาลในสมัยนั้น,คุณป้ าแข(นางศรการวิจิตร)ภรรยา น.ท.พระศรการวิจิตร(ชอย ชล ทรัพย์)ทหารเรือ,คุณเทียบ(คุณหญิงประเทียบ ชลทรัพย์) อีกทั้งลูกสาวและลูกชายคุณแม่จันทิพย์ที่อยู่ที่ กรุงเทพฯอีกลูกสาวคือคุณทิน ธนะรัชต์และจอมพล สฤษดิ์ ซึ่งจะจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย ทหารบกออกรับราชการเป็นนายทหารยศร้อยตรีในปีนี้ด้วย การเดินทางมากรุงเทพฯเมื่อ ๘๐ ก่อน(พ.ศ.๒๔๗๒)ไม่ได้สะดวกสบายอย่างทุกวันนี้ ต้องเดินทางเกือบ ๑๕ วันเป็นอย่างน้อย เริ่มมีรถยนต์โดยสารในภาคอีสานตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๐(สมัยรัชกาลที่ ๗)ถนนหนทางที่วิ่งก็ใช้ทางเกวียนเดิมช่วยกันขุดช่วยกันเกลี่ยดินและใช้ได้เฉพาะฤดูแล้งและฤดูหนาวเท่านั้นรถ โดยสารก็ไม่ได้มีทุกวัน นั่งรถโดยสารมาพักค้างคืนที่จังหวัดนครพนม พักอยู่หลายวันจึงมีรถโดยสารมายัง จังหวัดสกลนครเดินทางอีกสองสามวันจึงมาถึงจังหวัดอุดรธานี จากจังหวัดอุดรธานีต้องมานอนพักค้างคืนที่ จังหวัดขอนแก่น จากขอนแก่นก็ต้องรออีกหลายวันกว่าจะมีรถโดยสารมายังโคราช จากโคราชจึงมีรถไฟมายัง กรุงเทพฯ ที่สถานีรถไฟหัวลําโพงกรุงเทพฯเมื่อ ๘๕ ปีก่อน เมื่อเดินทางถึงคุณแม่จันทิพย์ได้เห็นว่ามีเด็ก สาวคนหนึ่งเดินมากับนายทหารยศร้อยตรีคนหนึ่งกําลังเดินตรงมาหาแล้วก้มลงกราบคุณแม่จันทิพย์ จึงได้รู้ว่า