Page 36 - บทเรียนการสื่อสาร
P. 36
“หนูคงต้องอยู่โรงพยาบาลไปอีกสักระยะหนึ่ง เพราะหนูยังต้องใช้ออกซิเจน การให้
ออกซิเจนที่บ้านสามารถทําได้ แต่หมอต้องขอเวลาในการเตรียมความพร้อมของอุปกรณ์ก่อนนะ
ครับ”
“ในระหว่างที่อยู่โรงพยาบาลนี้ มีอะไรที่หนูอยากทําเป็นพิเศษ หรือต้องการให้ใครมา
เยี่ยมไหมครับ”
ั
่
สถานที่ในการเสียชีวิตของผู้ปวยระยะสุดท้ายเป็นตัวอย่างหนึ่งที่เป็นปญหาไม่น้อย
ในทางเวชปฏิบัติ หากสอบถามคนทั่วไปซึ่งรวมถึงแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ว่า “อยาก
เสียชีวิตที่ไหน” และ “ตอนเสียชีวิต อยากอยู่กับใคร” และค าตอบเกือบทั้งหมดที่ได้คือ “อยาก
ตายที่บ้าน... กับคนที่เรารัก” แต่หากหันกลับมาดูมุมมองของแพทย์ในฐานะนักวิทยาศาสตร์
่
่
บ่อยครั้งที่จะน าผู้ปวยที่มีอาการหนักซึ่งบางครั้งหมดหวังแล้วไปดูแลรักษาในหอผู้ปวยหนักหรือ
ไอซียู ซึ่งไม่ใช่สิ่งแวดล้อมที่มีความสงบเงียบและมักจ ากัดจ านวนและเวลาในการเยี่ยมของญาติ
่
ในทางปฏิบัติแพทย์และทีมรักษาพยาบาลจึงควรใช้เวลาในการสื่อสารกับผู้ปวยและญาติและท า
่
การตอบสนองตามสมควรต่อไป การเตรียมตัวให้ผู้ปวยเสียชีวิตที่บ้านต้องได้รับความช่วยเหลือ
่
และเตรียมการจากทีมเยี่ยมบ้านซึ่งควรช่วยเหลือให้ผู้ปวยเจ็บปวด หอบเหนื่อย และทรมานน้อย
่
่
ที่สุด การเดินทางไปเยี่ยมผู้ปวยที่บ้านหรือโทรศัพท์ติดต่อกันจะท าให้ผู้ปวยและญาติไม่รู้สึกว่า
ถูกทอดทิ้งให้อยู่ตามล าพัง ซึ่งเขายังต้องการความช่วยเหลือและดูแลจากแพทย์และทีม
่
รักษาพยาบาลต่อไปจนกว่าผู้ปวยจะหมดลมหายใจ
่
กรณีที่ผู้ปวยไม่รู้สึกตัวหรืออยู่ในสภาพที่ไม่สามารถให้ความเห็นหรือตัดสินใจได้ พ่อแม่
สามีภรรยา ลูก หรือญาติสนิท น่าจะสามารถให้ความคิดเห็นในการเลือกวิธีการรักษาส าหรับ
่
่
ผู้ปวยได้ โดยให้ใช้วิธีคาดเดาความต้องการของผู้ปวย มิใช่ใช้ความคิดเห็นของตนเอง
้
“หมอคิดว่าคุณปาเป็นคนที่ใกล้ชิดกับคุณลุงมากที่สุด... ขณะนี้ตัวคุณลุงเองไม่สามารถที่
้
จะให้ความคิดเห็นกับการรักษาของหมอได้... หมออยากให้คุณปาช่วยคาดเดาความคิดและ
ความรู้สึกของคุณลุงว่า ถ้าเขารับรู้ได้ เขาจะมีความเห็นหรือความรู้สึกอย่างไรกับการรักษาของ
หมอที่ให้อยู่ขณะนี้”
ขั้นตอนในการสื่อสารกับผู้ป่วยวิกฤติและผู้ป่วยระยะสุดท้าย
่
่
่
การสื่อสารกับผู้ปวยเรื้อรัง ผู้ปวยวิกฤติ และผู้ปวยระยะสุดท้าย มีหลักการที่คล้ายคลึง
กันคือ ควรท าเป็นขั้นตอนและท าในจังหวะเวลาที่เหมาะสม การปล่อยเวลาที่ควรสื่อสารให้ผ่าน
่
ั
ไปเนิ่นนานและการขาดการติดตามที่ดีหลังจากสื่อสารกับผู้ปวยแล้ว มักก่อให้เกิดปญหาและท า
ให้กระบวนการสื่อสารไม่ประสบความส าเร็จเท่าที่ควร บางครั้งอาจถึงขั้นล้มเหลวและมี
ผลกระทบที่ส าคัญต่อการดูแลรักษาได้
1. ขั้นเตรียมการ
่
แพทย์และทีมรักษาพยาบาลควรเริ่มพูดคุยทันทีเมื่อเริ่มสงสัยว่าผู้ปวยอาจเป็นโรคเรื้อ
36