Page 18 - มนุษย์
P. 18
“ครอบครัวมีกันอยู่ 3 คน แม่ พี่สาว และตัวผม ส่วนพ่อเสียไปตั้งแต่
ผมยังเด็ก แม่ต้องกลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว ท�างานหาเงินเลี้ยงพวกเรา
จนเมื่อขึ้นมัธยม เราพี่น้องคิดว่าปล่อยให้แม่ท�างานคนเดียวคงไม่ไหว พวกเราจึง
ช่วยแม่ท�างานไปด้วยเราสามแม่ลูกช่วยประคับประคองกันมาโดยตลอด แม้จะจน
แต่ก็มีความสุขกันดี ใช้จ่ายเท่าที่จ�าเป็น เพราะรู้ว่ากว่าจะได้ทุกบาททุกสตางค์ต้อง
แลกมาด้วยหยาดเหงื่อมหาศาล สายสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นกันมากเสียจนไม่อาจ
ตัดขาดโดยเฉพาะพี่สาวกับแม่ พอเข้ามหาวิทยาลัยแม่ก็เริ่มมีอาการป่วย พวกเรา
เป็นห่วงท่าน ดังนั้นเมื่อพี่สาวเรียนจบ มีงานท�า ก็ถึงเวลาที่ท่านควรจะได้พักเสียที...
แต่ยิ่งนานวันเข้าอาการของแม่ก็ยิ่งแย่ลง พี่สาวของผมกังวลมาก เธอพยายามหาทาง
รักษาท่านทุกทาง”
ผมเงียบไปพักหนึ่ง
“และแล้ว ในที่สุดวันนั้นก็มาถึง... วันที่แม่ต่อสู้กับอาการป่วยไม่ไหว วันที่แม่
จากเราไปอย่างไม่หวนกลับ...”
ถึงตรงนี้ ภาพใบหน้าสงบนิ่งในวันสุดท้ายของแม่ก็ผุดขึ้นมาสะกิดให้น�้าตารื้น
“งานศพถูกจัดขึ้นเงียบๆ” ผมกล่าวต่อ กลั้นสะอื้นไม่ไหว “แต่ความเศร้า
ในใจผมกับพี่สาวไม่ได้เงียบเลย... มันส่งเสียงโหยหวนอยู่ตลอด แม้เราจะพยายาม
เท่าไร ก็ไม่อาจระงับ ได้แต่ปล่อยให้มันกัดกินหัวใจไปทีละนิด... คนที่เห็นจะทุกข์
ที่สุดคือพี่สาว เธอจมอยู่กับความเศร้า ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลแม่ไม่ดี ทั้งๆที่ไม่ใช่
ความผิดของเธอเลยสักนิด ไม่ว่าผมหรือคนรอบข้างจะพูดปลอบอย่างไรก็ไม่เป็นผล
เธอเปลี่ยนไปจากเดิม กลายเป็นคนเงียบๆ ไม่ยอมสุงสิงกับใคร เหมือนกับมีกลิ่นอาย
แห่งความเศร้าอบอวลอยู่รอบตัว ผมเป็นห่วงเธอที่สุด ดูเหมือนจิตใจของเธอพร้อม
จะทลายลงมาได้ตลอดเวลาเมื่อความทุกข์ระทมทับถมกันเกินกว่าเธอจะรับไหว
ในที่สุด...”
ผมหยุด เช็ดน�้าตาที่ทะลักออกมา “เธอก็ฆ่าตัวตาย”
เราเงียบกับไปชั่วขณะใหญ่ ไร้เสียงใดๆนอกจากสายลมที่พัดหวีดหวิว
“ความทุกข์ทั้งหมดถูกส่งต่อมายังผม กลายเป็นว่าผมต้องแบกมันไว้
เพียงคนเดียว การสูญเสียคนที่รักไปถึงสองคนในเวลาไล่เลี่ยกันมันมากเกินกว่าที่
กัมปนาท ศรีเจริญพันธ์ 15