Page 150 - ตามรอยพระศาสดา
P. 150

149


               วาโยกสิณ ได้ฌานสมาบัติแล้วจึงเหาะได้

                     ครั้งนั้นมีครู ๖ คณะ มีปูรณกัสสปะ เป็นต้น มาว่ากับท่านเศรษฐี

               ว่า บาตรนี้สมควรแก่เรา  ท่านจงให้เราเถิด เศรษฐีไม่ให้ ยืนค�าให้ท�าตาม
               ที่ได้ประกาศไว้

                     ครั้นถึงวันค�ารพ ๖ นิครนถ์นาฏบุตรให้ศิษย์มาบอกแก่เศรษฐีว่า
               บาตรนี้สมควรแก่อาจารย์ของเรา จงให้บาตรแก่อาจารย์เราโดยเคารพเถิด

               เศรษฐีไม่ให้ กล่าวยืนค�าตามเดิม

                     ภายหลังนิครนถ์นาฏบุตรมาด้วยตนเอง สั่งศิษย์ไว้ว่า ถ้าเรายกมือท�า
               ถ้าจะเหาะ ท่านทั้งหลายจงเข้ายึดเท้าเราไว้ แล้วกล่าวห้ามปรามว่า ไฉนพระ

               อาจารย์จึงกระท�าดังนี้ อย่ามาแสดงพระอรหัตคุณเพราะด้วยบาตรใบนี้
               ไม่สมควร เมื่อนัดหมายกันแล้ว นิครนถ์นาฏบุตรไปขอบาตรจากเศรษฐี เศรษฐี

               ไม่ให้ นิครนถ์นาฏบุตรจึงยกมือยกเท้าท�าท่าจะเหาะ ศิษย์ทั้งหลายยึดไว้แล้ว
               กล่าวห้าม ดังสัญญากันไว้ นิครนถ์นาฏบุตรกล่าวแก่เศรษฐีว่า “เราจะเหาะ
               ขึ้นไปเอาบาตร ศิษย์ทั้งปวงไม่ให้เราเหาะจงให้บาตรแก่เราเถิด”


                     แต่ลูกไม้นาฏบุตรตื้นไป เศรษฐีรู้ทัน จึงพูดอย่างถ่อมว่า

                     “นอกจากเหาะไปเอาแล้ว ได้ด้วยวิธีอื่นเป็นไม่มี” พวกเดียรถีย์อื่น ๆ
               ต่างมาใช้ลูกไม้แปลกๆ แต่ก็ไม่ส�าเร็จสักรายเดียว ครั้นถึงวันค�ารบ ๗

               พระโมคคัลลานะกับพระบิณโฑลภารทวาชเข้าไปบิณฑบาตในเมืองราชคฤห์
               ไปหยุดยืนคลุมจีวรอยู่บนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง  ใกล้ประตูเมือง  ได้ยินคน
               หมู่หนึ่งเจรจาแก่กันว่า “ครู ๖ คน ที่อ้างตัวเป็นพระอรหันต์นั้น  ไม่มีใคร

               สักคนที่เหาะไปเอาบาตรไม้จันทน์แดงของเศรษฐีได้ วันนี้เป็นวันที่ ๗ แล้ว
               พอหมดวันนี้ เราพึงรู้ว่าไม่มีพระอรหันต์ในโลกเป็นแท้”





                                        ตามรอยพระศาสดา
   145   146   147   148   149   150   151   152   153   154   155